บลจ.ทิสโก้ชี้สถานะการเงินธนาคารไทยแข็งแกร่ง ปัจจัยบวกของไทยรออยู่มาก ทั้งราคาหุ้นไทยอยู่ในระดับที่น่าสนใจ การเติบโตของการบริโภคในประเทศและการท่องเที่ยวไทยที่กลับมาฟื้นตัว เงินเฟ้อของไทยอยู่ในระดับไม่สูง มั่นใจบริหารกองทุนถึงเป้าหมายในระยะเวลา 5 เดือน
นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan Deputy Managing Director of TISCOASSET) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวลงแรงจากความกังวลเรื่องธนาคาร SVB ล้ม ซึ่งบลจ.ทิสโก้มองว่าปัญหาดังกล่าวน่าจะไม่เกิดขึ้นกับธนาคารในประเทศไทย เพราะทุกธนาคารมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับสถานการณ์ด้านสภาพคล่องที่มีความรุนแรง (LCR) อยู่ในระดับสูงกว่าเกณฑ์ และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝาก (LDR) อยู่ในระดับที่ไม่สูงมาก เพราะเศรษฐกิจกำลังทยอยฟื้นตัว ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (CAR) ระดับสูงกว่า 14% *
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวรออยู่มาก ทั้งราคาหุ้นที่อยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยมี อัตราราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) อยู่ที่ประมาณ 14.65 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่อยู่ในระดับ 18.15 เท่า นอกจากนี้ การเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่จะมาจากภาคการบริโภคในประเทศ การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ และการเลือกตั้งมีความชัดเจน ทั้งหมดนี้จะเป็นปัจจัยหลักที่หนุนให้หุ้นไทยปรับตัวเกิน 1,700 จุดได้
จากปัจจัยบวกข้างต้น บลจ.ทิสโก้จึงจับจังหวะเสนอขายกองทุนทริกเกอร์หุ้นไทย ด้วยการเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 5M#10 (TEQT5M10) ความเสี่ยงระดับ 6 (ความเสี่ยงสูง) ตั้งเป้าหมายเลิกโครงการเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.50 บาท/หน่วยภายในระยะเวลา 5 เดือน เปิดเสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 20 - 22 มีนาคม 2566 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท
“หุ้นไทยน่าจะปรับตัวขึ้นได้อีก โดยหลักๆ มาจาก การบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวโดยได้รับแรงหนุนหลักจากภาคการท่องเที่ยว จากนโยบายเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 และการที่นักท่องเที่ยวจีนเปิดประเทศ รวมถึงการเลือกตั้งในประเทศที่คาดว่าจะประกาศยุบสภาในเดือนมีนาคมนี้ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อของไทยก็อยู่ในระดับต่ำ ทำให้ประเมินว่าธนาคารแห่งประเทศไทยอาจยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นในเร็วๆ นี้” นายสาห์รัชกล่าว
ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนนี้ในช่วงระยะเวลา 5 เดือนได้ ดังนั้น หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าวผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก การกำหนดเป้าหมาย 10.50 บาทต่อหน่วย ไม่ใช่การรับประกันผลตอบแทนจากการลงทุน หากหน่วยลงทุนมีมูลค่าไม่เป็นไปตามเป้าหมายภายในระยะเวลาที่กำหนด