xs
xsm
sm
md
lg

‘พรินซิเพิล’ มองหุ้นไทยอัปไซด์น้อย เปิดตัวกองทุนเหมาะลงทุนตลาด Sideway

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายศุภกร ตุลยธัญ, CFA ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยปี 2566 มีแนวโน้มเคลื่อนไหวแบบ Sideway ไม่ได้มี upside เยอะแต่ก็ไม่ได้มีความเสี่ยงติดลบรุนแรง เนื่องจากมองว่าปัจจัยสนับสนุนและปัจจัยเสี่ยงที่เข้ามากดดันภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนอยู่ในระดับที่สมดุลกัน โดยประเมินปัจจัยบวกหลักๆ ได้แก่ 1) GDP ของประเทศไทยที่มีแนวโน้มเติบโตในอัตรา 3.7% สูงกว่าประเทศพัฒนาแล้วที่ GDP มีแนวโน้มเติบโตเพียง 1.2% (ที่มา: กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF) 2) ภาคการท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัวต่อเนื่องโดยมีปัจจัยหนุนหลักจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจีนหลังจากจีนเปิดประเทศ และ 3) การเลือกตั้งใหญ่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงกลางปีนี้ จะสนับสนุนตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยลบที่เข้ามากดดัน ดังนั้น มองว่าการลงทุนใน “หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง ประเภท KIKO (Knock-In Knock-Out)” ที่อ้างอิงกับหุ้นไทย หรือหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงระยะสั้นที่มีการจ่ายคืนเงินต้นและผลตอบแทนอ้างอิงกับราคาหุ้นหรือราคาหุ้นในตะกร้าหลักทรัพย์ มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในหุ้น ในภาวะตลาด sideway

บลจ.พรินซิเพิลเตรียมเปิดตัว “กองทุนเปิดพรินซิเพิล คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย” หรือ Principal Complex Return Fund Not for Retail Investors (PRINCIPAL CR-AI) มีทุนจดทะเบียน 2,000 ล้านบาท (Green shoe 15%) สั่งซื้อขั้นต่ำ 500,000 บาท กำหนดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) วันที่ 7-15 มีนาคม 2566 โดยกองทุนฯ มีนโยบายลงทุนในตราสารที่มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) ตราสารทุน ตราสารหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารทางการเงิน เงินฝาก โดยจะพิจารณาปรับสัดส่วนลงทุนได้ตั้งแต่ร้อยละ 0-100 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

ทั้งนี้ กองทุน PRINCIPAL CR-AI มีอายุกองทุนประมาณ 1 ปี (ตั้งแต่ 11-13 เดือน) นับจากวันที่จดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม โดยบริษัทจัดการจะพิจารณาเลิกกองทุนก่อนครบกำหนดอายุโครงการได้

ในช่วงครึ่งแรกของอายุโครงการ (ประมาณ 6 เดือน) นับจากวันที่จดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม กองทุนฯ มีนโยบายเน้นลงทุนแบบ “buy-and-hold” (เน้นลงทุนครั้งเดียวและถือไว้จนครบกำหนดอายุโครงการ) ในสัดส่วนเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ในตราสารที่มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) ที่เป็นหุ้นกู้อนุพันธ์ประเภท KIKO (Knock-In Knock-Out) ที่มีอายุตราสารสอดคล้องกับกรอบเวลาในช่วงครึ่งแรกของอายุโครงการดังกล่าว มีผลตอบแทนอ้างอิงกับหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประมาณ 1 ถึง 2 หลักทรัพย์ โดยมีเงื่อนไขการไถ่ถอนด้วยการส่งมอบเงินสดและหรือทรัพย์สินอื่นที่เทียบเท่าเงินสด หรือส่งมอบหุ้นอ้างอิงตามเงื่อนไขที่กำหนดของแต่ละตราสารในส่วนของหุ้นอ้างอิง ผู้จัดการกองทุนจะคัดเลือกหุ้นไทยคุณภาพ ที่อยู่ในดัชนี SET 100 มีปัจจัยพื้นฐานดีใน 6-12 เดือนข้างหน้า มุ่งเน้นหุ้นที่มี Downside จำกัด และมีโอกาสเติบโตในอนาคต

ส่วนในช่วงภายหลังจากระยะเวลาประมาณ 6 เดือนแรก แบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ 1) ตราสารที่มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) ที่กองทุนเข้าลงทุนครบกำหนดไถ่ถอนโดยเข้าเงื่อนไขด้วยการส่งมอบเป็นเงินสดทั้งหมด บลจ. พรินซิเพิลจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทั้งหมดแบบอัตโนมัติ เพื่อคืนเงินแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนและเลิกกองทุนก่อนครบกำหนดอายุโครงการ และ 2) กรณีที่ตราสารที่มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) ที่กองทุนฯ เข้าลงทุนครบกำหนดอายุและได้รับมอบเป็นหุ้นอ้างอิงจากตราสารที่มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝงใดๆ ที่กองทุนลงทุน บริษัทจัดการจะบริหารจัดการหุ้นอ้างอิงที่ได้รับมอบดังกล่าวต่อไป โดยอาจพิจารณาขายหลักทรัพย์ดังกล่าวออกบางส่วนหรือทั้งหมด รวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ ที่กองทุนเข้าลงทุนตามดุลยพินิจของบริษัทจัดการ อย่างไรก็ดี ในกรณีที่กองทุนจำหน่ายหุ้นอ้างอิง ทรัพย์สินอื่นๆ ทั้งหมดก่อนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการขอสงวนสิทธิที่จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติ เพื่อคืนเงินแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนและเลิกกองทุนก่อนกำหนดอายุโครงการ
กำลังโหลดความคิดเห็น