นายยศกร ฟอลเล็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด หรือ XSpring AM เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดกองทุนรวมในปีนี้ เปิดปีมาค่อนข้างสดใส และบริษัทฯ มองว่าโดยภาพรวมของตลาดจะมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามากขึ้น ทั้งในส่วนของกองทุนรวม (Mutual Fund) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) กองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ฯลฯ เพราะคาดการณ์ตลาดกองทุนจะสามารถสร้างผลตอบแทนในอัตราที่ดีขึ้นจากปี 2565 ซึ่งเป็นปีที่ภาพรวมตลาดสร้างผลตอบแทนได้ไม่สูงนัก เนื่องจากเผชิญกับปัจจัยลบจากต่างประเทศกดดัน ทั้งปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน ปัญหาอัตราเงินเฟ้อสูงและความไม่แน่นอนของนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อีกทั้งยังมีความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย เป็นต้น อีกทั้งมองว่ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ทั้งในประเทศไทย และสหรัฐอเมริกา รวมถึงกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกในปีนี้จะเริ่มกลับมาเป็นที่สนใจ เพราะสินทรัพย์หลายประเภทรวมถึงอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นจากปีก่อนหลังสถานการณ์เงินเฟ้อทั่วโลกผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว
นอกจากนี้ปัจจัยที่ควรจับตามองที่มีผลต่อการขับเคลื่อนตลาดในไตรมาสแรก ปี 2566 คือ การกลับมาเปิดประเทศของจีนเร็วกว่าตลาดคาดการณ์ โดยรัฐบาลจีนเริ่มมีการผ่อนคลายนโยบายควบคุมโควิด -19 ตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อน และเปิดประเทศในวันที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา สามารถสร้างความคึกคักให้กับตลาดหุ้นจีนกลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกครั้ง แม้อาจมีแรงเทขายระยะสั้นบ้างเช่น ในช่วงประกาศงบและเปิดเผยข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐ รวมถึงความกังวลจากแรงกดดันทางการเมือง สหรัฐ-จีน-ไต้หวันระยะสั้น กดดันหุ้นกลุ่ม Growth โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีในจีน อย่างไรก็ตาม แม้จะมีปัจจัยกดดัน แต่กลุ่มอุปโภคบริโภคจีนที่ราคาปรับตัวขึ้นมาช้ากว่าก็แกว่งตัวลงน้อยกว่ามากเพราะขึ้นกับแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจจีนเป็นหลัก อย่างไรก็ดี ตลาดการลงทุนยังคงมีปัจจัยกดดัน คือ ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกในปัจจุบันที่มีความไม่แน่นอนสูงและมีความเสี่ยงจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้วนักลงทุนยังต้องแบ่งจังหวะลงทุนอย่างระมัดระวัง
สำหรับภาพรวมธุรกิจของ XSpring AM ในปี 2566 คาดว่าจะสามารถสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่น เนื่องจากจะเป็นปีแรกที่บริษัทฯ สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างเต็มที่และครบวงจร ภายหลังจากปี 2565 บริษัทฯ ทุ่มกำลังในการปรับเปลี่ยนองค์กรจัดวางระบบและโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงกำหนดกลยุทธ์และสร้างทีมให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อจะขับเคลื่อนธุรกิจสร้างการเติบโตในระยะยาวอย่างมั่นคงและยั่งยืน ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ในปีนี้ ให้เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 2,500-3,000 ล้านบาท จากมูลค่าประมาณ 9,300 ล้านบาทในปี 2565 โดยการเติบโตจะมาจากทุกสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทฯ ทั้งกองทุนส่วนบุคคล ที่มีนโยบายการลงทุนใน Private Real Estate Deal สำหรับนักลงทุนรายใหญ่พิเศษ (Ultra-High Net worth) และกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ซึ่งมองว่าโอกาสสำหรับการให้บริการกองทุนส่วนบุคคลใหม่ นั้น มีหลากหลายช่องทางโดยเฉพาะ กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ที่มีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนดีกว่าตลาดหลัก
นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังมุ่งเป้าหมายขยายธุรกิจการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่เป็นหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นผ่านการขยายฐานในกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนพันธมิตรให้ครอบคลุมทุกสินทรัพย์และทุกประเภทกองทุน พร้อมกับการทำการตลาดเชิงรุกเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพิ่มการรับรู้ในเชิงภาพลักษณ์ (branding) และผลิตภัณฑ์ทางการเงินการลงทุนที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า ซึ่งจะทำให้ XSpring AM เป็นที่รู้จักและเชื่อมั่นในกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น พร้อมเชื่อมต่อบริการ Wealth Management ภายใต้แบรนด์ XSpring AM และจะพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีคุณภาพ มีอัตราผลตอบแทนคาดหวังที่สอดคล้องกับความเสี่ยง มีความแตกต่างและน่าสนใจ โดยร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการเลือกผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ารายใหญ่และรายใหญ่พิเศษ
XSpring AM เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าบริษัทฯ จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการที่มีคุณภาพ ด้วยบุคลากรเลือดใหม่มากฝีมือ มีความเชี่ยวชาญในสายงานเป็นอย่างดี มีความคล่องตัวพร้อมปรับตัวให้เข้ากับตลาดการเงินและตลาดทุนทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน