โฟร์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ คาดปีหน้าเบี้ยแตะ500ล้านโต10%ส่วนปีนี้ปิดหรู450ล้านบาทโต 28%จากปีก่อนหน้า หลังปรับโครงสร้างใหม่รองรับพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนช่วงโควิด เล็งลุยไมโครอินชัวร์รันหวังเข้าถึงรายย่อยมากขึ้น
นายโพทัย วิเชียรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โฟร์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด เปิดเผยว่าทางบริษัทฯ คาดว่าเบี้ยประกันภัยของบริษัทในปีหน้าจะอยู่ที่500 ล้านบาทหรือเติบโตประมาณ 10% ส่วนผลประกอบการยอดขายประกันวินาศภัยในปี 2565 จะมีเบี้ยสุทธิมากกว่า 450 ล้านบาท และถือเป็นสัดส่วนการเติบโตประมาณ 28% จากยอดขาย 351,093,721.31 ล้านบาทในปี 2564 โดยเป็นการเติบโตในทุกหมวดผลิตภัณฑ์ ทั้งประกันภัยรถยนต์ พรบ ประกันอัคคีภัย การประกันภัยขนส่งสินค้า และประกันภัยเบ็ดเตล็ด
ทั้งนี้ในช่วงที่เกิดวิกฤตการระบาดของโควิด 19 ที่กระทบต่อธุรกิจในภาพกว้างทั่วโลก บริษัทได้ให้ความสำคัญในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการทำงานใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการตัดสินใจทำประกันภัยผู้เอาประกันภัยที่มีมากขึ้น ซึ่งประชาชนตระหนักและเล็งเห็นความสำคัญในการจัดทำกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อปกป้องความเสี่ยงภัยทั้งด้านทรัพย์สินและสุขภาพมากขึ้นดังเห็นจากยอดการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังนี้
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้พัฒนาระบบเทคโนโลยีและปรับโครงสร้างการบริหารสามารถลดต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้นทุนและค่าใช้จ่ายการให้บริการคิดเป็น 29% ของรายได้รวม ซึ่งบริษัทฯ ได้แบ่งบันผลประโยชน์คืนสู่สังคมต่างๆ ทั้งในด้านทุนการศึกษา อุปกรณ์การเรียนของโรงเรียน การจัดร่วมบริจาคโลหิตให้โรงพยาบาล ส่งเสริมทำนุบำรุงด้านพระพุทธศาสนาแก่วัดต่างๆ และการรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลในจังหวัดนนทบุรีร่วมกับหน่วยงาน สาธารณสุขและจังหวัดอย่างใกล้ชิด
นายโพทัย วิเชียรรัตน์ กล่าวอีกว่า บริษัทเตรียมขยายผลิตภัณฑ์ประกันภัยรายย่อย (Micro Insurance) เป็นการสร้างความเข้าถึงด้านประกันภัยขั้นพื้นฐานเพื่อการนำร่องเพื่อขยายประกันภัยกรมธรรม์หลักด้านที่อยู่อาศัย และประกันภัยสุขภาพ ซึ่งประชาชนให้ความสำคัญต่อสุขภาพและค่ารักพยาบาลเพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง คปภ.คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขความคุ้มครองใหม่ขึ้นในปี 2564 การปฎิเสธการต่ออายุหรือการประกาศขอยกเลิกกรมธรรม์อย่างที่เคยปรากฎในวิกฤตโควิดไม่สามรถทำได้ ยกเว้น ผู้เอาประกันภัยปกปิดข้อเท็จจริงด้านสุขภาพหรือฉ้อฉลเปิกค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจริง ซึ่งจะทำให้ผู้เอาประกันภัยจะสามารถตัดสินใจทำกรมธรรม์ประกันภัยสุขภาพมากขึ้น