xs
xsm
sm
md
lg

Rebalancing Portfolio ปรับพอร์ตให้สมดุล เรียนรู้ได้ง่ายนิดเดียว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การปรับสัดส่วนพอร์ตให้สมดุล (Rebalancing Portfolio) เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ลงทุนต้องทำ แต่หลายคนก็ยังไม่ได้ทำ เพราะยังไม่แน่ใจว่ามีวิธีการยังไงบ้าง วันนี้ KAsset จึงมีวิธีการปรับสมดุลพอร์ตแบบเข้าใจง่ายๆ มาแนะนำกัน

การปรับสมดุลพอร์ต หรือที่คนส่วนใหญ่จะใช้คำว่า Rebalance คือการปรับสัดส่วนสินทรัพย์แต่ละประเภทที่อยู่ในพอร์ตลงทุนของเรา เพราะเมื่อเราลงทุนไปเรื่อยๆ แน่นอนว่าจะมีปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่ส่งผลให้ราคา และผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่เราลงทุนมีอัตราการเติบโตขึ้นหรือลงตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลต่อความเสี่ยงของพอร์ตเราที่อาจจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง และไม่สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่กำหนดไว้แต่แรก

ผู้ลงทุนจึงควร Rebalance พอร์ต เพื่อให้การลงทุนยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ในตอนต้น และเพื่อให้เรายังคงได้ผลตอบแทนตามที่คาดหวัง และความเสี่ยงก็ยังอยู่ในระดับที่รับได้ แม้ว่าสถานการณ์การลงทุนจะเป็นอย่างไรก็ตาม ซึ่งหลักการ Rebalance ง่ายๆ ก็คือ ขายสินทรัพย์ที่มีสัดส่วนเกินจากที่กำหนด และนำเงินจากที่ขายนั้นมาซื้อสินทรัพย์ที่มีสัดส่วนต่ำกว่าตอนแรกที่กำหนดไว้ ให้มามีสัดส่วนเท่าเดิม

ยกตัวอย่างเช่น นาย A เป็นผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลาง มีต้นทุนในการลงทุนอยู่ที่ 100,000 บาท จึงวางแผนการลงทุนไว้ที่ กองทุนหุ้น 50% (50,000 บาท) และกองทุนตราสารหนี้ 50% (50,000 บาท) เมื่อเวลาผ่านไป หุ้นในพอร์ตมีการเติบโตสูงขึ้น 10% แต่กองทุนตราสารหนี้ยังไม่มีการเติบโต ส่งผลให้มูลค่าหุ้นในพอร์ตเพิ่มขึ้นเป็น 55,000 บาท และมูลค่าพอร์ตรวม 105,000 บาท นั่นหมายความว่าสัดส่วนการลงทุนในพอร์ตของนาย A เปลี่ยนไป คือ กองทุนหุ้นมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 52% ของพอร์ต และกองทุนตราสารหนี้มีสัดส่วนที่ลดลงเหลือ 48% ของพอร์ต นาย A ก็จะต้องขายกองทุนหุ้นออกไป บางส่วน คือขายเป็นจำนวน 2,500 บาท แล้วนำมาซื้อกองทุนตราสารหนี้เพิ่ม เพื่อให้สินทรัพย์ทั้ง 2 กลับมามีสัดส่วน 50% เท่าเดิม (นาย A จะมีกองทุนหุ้น 52,500 บาท และมีกองทุนตราสารหนี้ 52,500 บาท)

ซึ่งในการ Rebalance พอร์ต ผู้ลงทุนสามารถกำหนดเองได้ว่าอยากจะทำเมื่อไร โดยอาจดูจากระยะเวลาทุกๆ ครึ่งปี หรือทุกๆ 1 ปี หรือจะดูจากสัดส่วน เมื่อสินทรัพย์ในพอร์ตมีสัดส่วนเปลี่ยนแปลง 15% หรือ 20% ก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้ การปรับสัดส่วนพอร์ตแต่ละครั้ง อาจขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุนด้วย หากในวันนี้คุณมีเป้าหมายการลงทุนต่างกับวันแรกที่เริ่มลงทุน หรือสามารถรับความเสี่ยงได้มากขึ้น ก็สามารถปรับสัดส่วนสินทรัพย์ในพอร์ตให้เป็นไปตามเป้าหมายปัจจุบันได้ หรือเมื่อเราอายุเพิ่มขึ้น ความเสี่ยงที่รับได้ก็เริ่มน้อยลง ก็อาจจะมีการ Rebalance เพื่อลดสัดส่วนสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงให้เหลือน้อยลง

ส่วนตอนนี้ ผู้ลงทุนคนไหนยังเป็นมือใหม่ และยังไม่ชำนาญในการปรับสัดส่วนพอร์ต แนะนำให้ลองมาเปิดบัญชีกองทุนผ่านแอปฯ K-My Funds ที่มีโมเดลการจัดพอร์ตแนะนำไว้ให้แล้ว 4 รูปแบบจากกองทุน K-FIT แตกต่างกันตามสัดส่วนของสินทรัพย์ที่ลงทุน ซึ่งผู้ลงทุนสามารถเลือกได้ตามผลตอบแทนและความเสี่ยงที่รับได้ เริ่มต้นลงทุนขั้นต่ำเพียง 500 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น