นายกสมาคมวินาศภัยแจงยอดเคลมโควิดแสนล้าน ภาระกองทุนประกันวินาศภัย แต่ควรจ่ายภายใน 3 ปี ระบุรัฐต้องยื่นมือช่วยหาแหล่งเงินกู้ให้หลังเงินกองทุนมีเพียง 6 พันล้านบาท จ่อเพิ่มเพดานเก็บต๋งจากบริษัทประกันสูงสุดเป็น 0.5% หรือประมาณ 1.3 พันล้านบาทต่อปี
นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า การจ่ายเคลมโควิดที่กองทุนประกันวินาศภัยกำลังดำเนินการเบื้องต้นมีตัวเลขรวมอยู่ประมาณ 100,000 ล้านบาท แบ่งเป็นประกันประเภทเจอจ่ายจบ 70,000 ล้านบาท และความคุ้มครองโคม่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งในทางปฏิบัติควรทำการจ่ายเคลมให้แก่ผู้เอาประกันภายในระยะเวลา 3 ปี แต่ปัจจุบันมีเงินกองทุนประกันวินาศภัยอยู่เพียง 6 พันล้านบาทเท่านั้น
ทั้งนี้ แนวทางแรกในการหาเงินเข้ากองทุนฯ คาดว่าจะเริ่มจากการเก็บเงินสมทบเพิ่มจากบริษัทประกันจากเดิม 0.25% หรือกว่า 600 ล้านบาทต่อปี มาเป็น 0.5% ต่อปีทำให้จะมีเงินกองทุนประกันวินาศภัยเพิ่มขึ้นประมาณปีละเกือบ 1.3 พันล้านบาท
“รวมๆ แล้วกองทุนน่าจะขาดอยู่ประมาณ 7 หมื่นล้าน ถ้าจะต้องจ่ายครบใน3ปีคงต้องยกระดับความสำคัญของปัญหาเพื่อให้ภาครัฐเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไข โดยจะต้องหาแหล่งเงินกู้เข้ามาเพื่อให้กองทุนฯ สามาถนำไปจ่ายเคลมได้ ซึ่งที่ผ่านมาเห็นมีความพยายามให้ทาง สบน.เข้ามาค้ำประกันแต่ได้รับการปฏิเสธเพราะเกรงว่าจะเข้าไปกระทบต่อภาพรวมหนี้สาธารณะและการกู้จะต้องดูความสามารถในการชำระหนี้ด้วย”
นายอานนท์กล่าวอีกว่า ในส่วนของสถานการณ์น้ำท่วมตอนนี้ยังไม่สามารถประเมินได้แต่คงจะมีความเสียหายไม่มากนักเนื่องจากยังไม่มีรายงานความเสียหายจากนิคมอุตสาหกรรมใหญ่ๆ และเชื่อว่าจะสามารถรับมือได้เพราะหลังจากเจอเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ได้มีการสร้างแนวป้องกันน้ำเอาไว้เป็นอย่างดี ขณะที่ความเสียหายของที่อยู่อาศัยก็ไม่ถือว่าสูงมากนักเพราะการทำประกันที่อยู่อาศัยยังมีจำนวนไม่มากนัก
“น้ำท่วมกับรถยนต์ความเสียหายแบบมิดคันยังมีไม่สูง ส่วนพื้นที่การเกษตรยังสรุปไม่ได้ว่าภาพรวมความเสียหายเป็นอย่างไรบ้าง” นายอานนท์กล่าว
นายอานนท์กล่าวอีกว่า ภาพรวมผลประกอบการธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2565 ถือว่าเป็นปีที่ภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวหลังจากถดถอยมาจากปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม แม้ธุรกิจประกันวินาศภัยต้องฝ่าฟันผลกระทบต่างๆ ทั้งจากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ช่วงต้นปีถึงกลางปี และความไม่แน่นอนทางการเมืองซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุน แต่ผลประกอบการธุรกิจประกันวินาศภัยรวม 6 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม-เดือนมิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา (ไตรมาส 2 ปี 2565) ยังคงมีอัตราการเติบโต 2.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 132,741 ล้านบาท โดยการประกันภัยแต่ละประเภทยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี
สำหรับแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัยปี 2565 ทั้งปีนั้น สำนักงานอัตราเบี้ยประกันวินาศภัย (IPRB) สมาคมประกันวินาศภัยไทย ประมาณการว่าจะเติบโตราว 3.5%-4.5% มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 272,000-274,600 ล้านบาท โดยการประกันภัยแทบทุกประเภทมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นจากการที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว สถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 เริ่มคลี่คลาย มูลค่าการส่งออกและนำเข้าสินค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ยอดจำหน่ายรถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว การท่องเที่ยวทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลดีต่อการประกันภัย และคาดการณ์ว่าปี 2566 จะมีอัตราการเติบโตราว 4.5%-5.5% เบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 282,200-287,900 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากการที่ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ