อีสท์สปริงจ่อถือหุ้น 100% หลังรวม 2 บลจ. ตั้งเป้าขึ้นท็อป 5 อุตสาหกรรมกองทุน สิ้นปี AUM 4 แสนล้านบาท ระบุการลงทุนผันผวน แนะกระจายการลงทุนต่างประเทศหลากสินทรัพย์
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การเข้าซื้อกิจการและควบรวม บลจ.ทหารไทย กับ บลจ.ธนชาต สำเร็จด้วยดีในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันอีสท์สปริงมีสัดส่วนการถือหุ้นรวมประมาณ 60% และอีก 40% เป็นของธนาคาร ttb อย่างไรก็ตาม อีสท์สปริงมีแผนเพิ่มสัดส่วนไปถึง 100% และจะมีส่วนแบ่งการตลาดติดท็อป 5 ของอุตสาหกรรมกองทุนภายใน 5 ปี โดยตั้งเป้าทรัพย์สินภายใต้การบริหารที่ 4 แสนล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ และจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 6-7% ต่อปี ส่วนแผนการออกกองทุนของบริษัทคาดว่าภายในปีนี้จะมีออกมาหลักๆ อีกประมาณ 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนที่ลงทุนในหุ้นตลาดอินโดนีเซีย กองทุน ESG และกองทุนที่กระจายการลงทุนหลากสินทรัพย์
"สภาพตลาดต่อจากนี้อาจเอื้อให้เราเป็นไปตามเป้าได้ถ้าสงครามคลี่คลายในระยะอันสั้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าภาพเงินเฟ้อของสหรัฐฯ น่าจะเข้าใกล้จุดสูงสุดแล้ว และเริ่มเห็นสัญญาณการลดอัตราดอกเบี้ยได้บ้าง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการลงทุนยังคงมีความผันผวนการกระจายการลงทุนจะเป็นกลยุทธ์หลักในการลงทุนของบริษัท"
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทย บริษัทมองว่ายังคงแกว่งตัวและทรงตัวเท่ากับระดับปัจจุบัน เนื่องจากหุ้นไทยมีปัจจัยบวกและลบพอๆ กัน โดยบริษัทแนะนำว่านักลงทุนควรมีการกระจายการลงทุนไปในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งสัดส่วนการลงทุนที่แนะนำคือการลงทุนในประเทศ 40% การลงทุนในต่างประเทศ 60% โดยแบ่งเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ 40% ตราสารทุนประมาณ 50% อีก 10% เป็นการลงทุนทางเลือก
นายอดิศรกล่าวว่า ปัจจุบัน บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการสุทธิ (AUM) ของกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) โดยรวมกว่า 106,950 ล้านบาท (ข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน 2565) รั้งอันดับ 3 ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนในไทย (ที่มา : Morningstar) และมีอัตราการเติบโตของสินทรัพย์เฉลี่ย 12.5% ต่อปี เทียบกับการเติบโตของอุตสาหกรรมเฉลี่ยที่ 5.2% ต่อปีในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนั้น อีสท์สปริงยังเป็นหนึ่งในผู้นำด้านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ครอบคลุมและหลากหลาย ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการกว่า 54,389 ล้านบาท และอัตราการเติบโตสูงถึง 18% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (เทียบกับอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมที่ 10%) (ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2565)
การบริหารงานภายใต้แบรนด์ใหม่อย่าง บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) บริษัทจะเน้นผ่านกลยุทธ์สามเสาหลัก ประกอบด้วย 1. Global Access with Asia Focus - คือการลงทุนในต่างประเทศช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทน
2. Investment Advisory & Market Insights - บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) หรือการจัดสรรพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายหรือ Asset Allocation เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างผลตอบแทน
3. Holistic Health & Wealth - ด้วยจุดแข็งของผู้ถือหุ้นหลักในการผสานกันระหว่างแนวคิดความมั่งคั่งที่มาพร้อมความมั่นคงจะต่อยอดความสำเร็จในโอกาสการลงทุนแก่ผู้ลงทุนได้ดียิ่งขึ้น