บลจ.กสิกรไทยแนะกระจายลงทุนสู้เงินเฟ้อ ชูหุ้นยังน่าสนใจกว่าตราสารหนี้ คาดหุ้นไทยปีนี้1750 แต่อาจเห็น1800ถ้านักท่องเที่ยวจีนกลับมา ระบุเก็บภาษีหุ้นกระทบสภาพคล่องทำความน่าสนใจลดลง
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า เงินเฟ้อสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเป็นระดับสูงสุดใหม่ในรอบกว่า 40 ปี ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ที่เคยมีการรวบรวมข้อมูลมา ซึ่งภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ลงทุนส่วนใหญ่กังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกว่า 0.5% ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอย และส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกได้ อย่างไรก็ดี บลจ.กสิกรไทย ยังคงเชื่อว่าภายใต้ความผันผวนยังคงมีโอกาสสำหรับการเข้าลงทุนได้ โดยใช้หลักกระจายการลงทุนในหลากหลายประเภทสินทรัพย์และเลือกลงทุนในภูมิภาค/ประเทศที่มีการเติบโตสูงจากการฟื้นตัวจากสถานการณ์ COVID-19
นายนาวิน อินทรสมบัติ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ) กล่าวเสริมว่า จากรายงานเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นและทองคำ เผชิญแรงเทขายอย่างรุนแรง ส่วนตราสารหนี้และน้ำมันปรับตัวขึ้นมาในระยะสั้น อย่างไรก็ดี ในระยะยาวยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อกองทุนหุ้น มากกว่ากองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชียทั้งประเทศที่พัฒนาแล้ว และประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) นอกจากนี้ ผู้ลงทุนควรกระจายการลงทุนบางส่วนไปยังกองทุนสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง กองทุนน้ำมัน และกองทุนทองคำ ในสัดส่วนไม่เกิน 5-10% ของพอร์ต
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต, CFA, Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน) กล่าวต่อไปว่า ในระยะสั้นยังคงผันผวนอยู่ในกรอบแคบ ตามความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed เพื่อควบคุมสถานการณ์เงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง สืบเนื่องมาจากความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นรุนแรง โดยบริษัทคาดว่าดัชนีปลายปี 65 น่าจะอยู่ที่ 1,750 -1,800 จุด โดยในส่วนของ1,800จุดอาจจะต้องดูว่าการท่องเที่ยวจะเปิดได้มากน้อยขนาดไหน โดยเฉพาพนักท่องเที่ยวจีนที่เคยมีสัดส่วนถึง1ใน3ของนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้ อย่างไรก็ตามในส่วนของ1,700จุดน่าจะมีความเป็นไปได้ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และได้เดินหน้าเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามายังประเทศไทย 6 ล้านคน ในขณะเดียวกันจะยังมีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านหลายโครงการของรัฐบาล การบริโภคในประเทศและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องอย่างต่อเนื่องด้วย
ส่วนการคิดภาษีขายหุ้นอาจมีการกระสภาพคล่องบาง โดยมอง Downside ครั้งนี้ที่ 1,550 จุด โดยมองว่าจะมีกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ที่คอยพยุงดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ ทั้งกลุ่มพลังงานที่มีสัดส่วนราว 25% ของตลาดหุ้นไทย ที่ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง รวมถึงกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่มีสัดส่วนราว 10% ของดัชนีตลาดหุ้นไทย จะได้รับปัจจัยหนุนจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
“ภาษีหุ้นในส่วนนี้กองทุนของเราคงไม่ได้รับผลกระทบเพราะเราเป็นกองทุนที่ลงทุนรยะยาวมีความถี่ในการซื้อขายต่ำ โดยกองทุนที่คาดว่าจะรับผลกระทบจะเป็นกองทุนที่ใช้ระบบAIซึ่งเป็นโปรแกรมเฉพาะในการซื้อ-ขายและจะมีความถี่มากกว่าในการซื้อและขายทำกำไร แต่ก็จะมีสภาพคล่องบางส่วนหายไปเพราะสัดส่วนประมาณ30%ของมูลค่าเทรดมาจากโปรแกรมเทรดทำให้ความน่าสนของตลาดหุ้นไทยลดลงได้”นางสาวธิดาศิริกล่าว
นางสาวธิดาศิริกล่าวอีกว่า กลุ่มที่บริษัทมองว่าน่าสนใจในช่วงนี้ ประกอบด้วย 1.กลุ่มแบงก์ได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2.กลุ่มหุ้นสุขภาพที่ได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศ ขณะที่กลุ่มพลังงานที่ได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ต่อจากนี้มองว่าราคาจะยืนอยู่ในระดับสูงอย่างมีสเถียรภาพทำให้ความน่าสนใจลดลง
สำหรับการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน (AEC) บลจ.กสิกรไทย มองว่าประเทศเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความน่าสนใจใน 5 มิติ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก 1.เศรษฐกิจในประเทศเติบโตต่อเนื่องทั้งในระยะกลางและยาว 2.ระบบการเงินที่มีเสถียรภาพ 3.การสนับสนุนจากรัฐบาลในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 4. ประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงานทำให้การบริโภคในประเทศและกิจกรรมทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับที่สูง และ 5. การไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่องจากการย้ายฐานการผลิต โดยขอแนะนำ กองทุนเปิดเค เวียดนาม หุ้นทุน (K-VIETNAM) มีนโยบายการลงทุนที่ส่วนใหญ่เน้นลงทุนตรงในหุ้นเวียดนาม และบางส่วนลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศที่ลงทุนในหุ้นเวียดนาม ซึ่งรวมถึง ETF ด้วย ทั้งนี้ สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการวางแผนเกษียณก็สามารถเลือกลงทุนใน กองทุน เปิดเค เวียดนาม หุ้นทุน เพื่อการเลี้ยงชีพ (K-VIETNAM-RMF) ได้เช่นกัน