อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ตั้งเป้าปีนี้เบี้ยรวมแตะ 6.2 พันล้านบาท เน้น5เสาหลักหนุนธุรกิจโตทั้ง ตัวแทนนายหน้า ธนาคาร พันธมิตร รวมถึงการพัฒนาสินค้า และเทคโนโลยี คาดสินค้าสุขภาพมาแรง เหตุคนไทยใส่ใจสุขภาพมากขึ้นหลังโควิด
มร. ลาร์ส ไฮบุทสกี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีสถานะทางการเงินแข็งแกร่งด้วยสินทรัพย์กว่า 1 หมื่นล้านบาท และมีเงินกองทุนสำรอง (Risk-based capital) สูงกว่ามาตรฐานถึง 452% (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564) ซึ่งผลการดำเนินงานของเราที่ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์วิกฤตโควิด 19 แต่ก็ยังสามารถสร้างผลงานตามเป้า โดยมีรายได้ มาจากผลิตภัณฑ์ประกันยนต์ (motor) และผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ประกันรถยนต์ (none-motor) เป็นสัดส่วนเท่าๆกัน
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2565 อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัยคาดว่าจะมีเบี้ยรับรวมประมาณ 6.2 พันล้านบาท หรือเติบโตขึ้นไม่น้อยกว่า 10% ของปีก่อนหน้า โดยจะยึดกลยุทธ์ 5 เสาหลัก เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้ถึงเป้าหมาย ได้แก่ 1.สร้างการเติบโตในช่องทางตัวแทนและนายหน้า มีเทคโนโลยีที่ช่วยให้การออกใบเสนอราคารวดเร็วมากขึ้น พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า 2.บริหารจัดการช่องทางขายให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งการเพิ่มจำนวนตัวแทน และการทำครอสเซลไปยังผลิตภัณฑ์ประกันภัยอื่นๆที่ไม่ใช่การประกันภัยยานพาหนะ (non-motor) 3.สนับสนุนการขายผ่านช่องทางธนาคาร ซึ่งปัจจุบัน คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารทหารไทยธนชาต โดยการขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการขายให้ง่ายขึ้น
4.สนับสนุนช่องทางพันธมิตรธุรกิจเช่าซื้อ เช่น กรุงศรีออโต้ และเงินติดล้อ เสนอสินค้าที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่มและนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยการขาย5.ช่องทางลูกค้าองค์กร ต่อยอดจากเครือข่ายและการสนับสนุนจากกลุ่มอลิอันซ์ พร้อมมองหาโอกาสรับประกันภัยความเสี่ยงกลุ่มใหม่ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนเสาหลักทั้ง 5 ด้าน บริษัทยังเน้นให้ความสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อช่วยในการทำงานและบริการลูกค้า ควบคู่กับการพัฒนาทรัพยากรบุคคล และสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่เอื้อต่อการเติบโต
"ภาพรวมธุรกิจประกันวินาศภัยน่าจะเติบโตขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของสินค้าสุขภาพทีคนไทยมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นหลังจากโควิด ขณะที่อัตราเบี้ยสุขภาพเองก็น่าจะปรับเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ โดยในส่วนของรถยนต์เองก็คงต้องดูด้วยว่าสินค้าจะเป็นอย่างไรเพราะเมื่อเศรษฐกิจกลับมาแล้วการขายสินค้าของประกันวินาศภัยต้องพิจารณาด้วยว่าสามารถทำกำไรได้หรือไม่ ไม่ใช่เป็นเพียงสินค้าที่สร้างมูลค่าได้เพียงอย่างเดียว"มร.ลาร์สกล่าว