กรุงเทพประกันชีวิต เชื่อประกันชีวิตโตต่อเนื่องรับเศรษฐกิจฟื้น สังคมสูงวัย จ่อเป็นบริษัทแรกชำระเบี้ยไร้เงินสด หวังลดต้นทุน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืนภายใน 3 ปีข้างหน้า ระบุการลงทุนผันผวน เน้นลงทุนพันธบัครรับดอกเบี้ยขาขึ้น ส่วนหุ้นเน้นดูปัจจัยพื้นฐานและกระจายความเสี่ยงการลงทุนไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น
นายโชน โสภณพานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ BLA เปิดเผยว่า แนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจในปีนี้จะเติบโตต่อเนื่อง สอดคล้องกับธุรกิจประกันชีวิตมีแนวโน้มขยายตัวได้ดี เนื่องจากเศรษฐกิจที่ยังเป็นบวก รวมถึงเป็นโอกาสของประกันสะสมทรัพย์และประกันควบการลงทุนโดยภาพลักษณ์ของธุรกิจประกันชีวิต ได้รับการยอมรับเพิ่มมากขึ้นจากผู้บริโภค ซึ่งเกิดจากแนวโน้มค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่แนวโน้มเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามเทรนด์ดอกเบี้ยขาขึ้น และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จะช่วยสนับสนุนให้คนไทยมีความจำเป็นในการวางแผนการเงินเพื่อเกษียณมากขึ้นด้วย
จากสถิติจากสมาคมประกันชีวิตไทย ระบุว่าในช่วง 11 เดือน ของปี 2564 ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ามีแบบประกันสุขภาพและประกันควบการลงทุนแบบชำระครั้งเดียวจะได้รับความสนใจจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจประกันชีวิตมีเบี้ยประกันรับรวมอยู่ที่ 545,039 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 2.56% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2563 ที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับรวมอยู่ที่ 531,422 ล้านบาท
"ในช่วงที่ผ่านมาภาพรวมการคงอยู่ของกรมธรรม์ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งบอกได้ว่าคนไทยให้ความสำคัญและพยายามรักษากรมธรรม์ประกันชีวิตของตนเองมากขึ้่นแม้จะต้องเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว"นายโชนกล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีอัตราการเคลมสินไหมเกี่ยวกับโควิด-19 คิดเป็น 12%ของเคลมไหมรวม ซึ่งถือว่าต่ำมาก และเมื่อชดเชยกับอัตราการเคลมโรคปกติทั่วไปอย่าง เช่น ไข้หวัด ท้องเสีย ที่ลดลงอย่างมาก ทำให้บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากสถารการณ์โควิด-19 และจากการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดโอมิครอนในปีนี้คาดว่าก จำนวนผู้ติดเชื้อจะไม่รุนแรงกว่าปีก่อน และคนไทยมีอัตราการฉีดวัคซีนแล้วจำนวนมาก แต่บริษัทยังติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง
นายโชน กล่าวอีกว่า บริษัทวางเป้าหมายเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกที่ไม่รับชำระเบี้ยประกันเป็นเงินสดภายในเดือนเมษายนปี 2565 เพื่อสนับสนุนการลดต้นทุน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะมาสนับสนุนแผนการดำเนินธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า (2565-2567) บริษัทจะเน้นสร้างความสามารถในการแข่งขันของบริษัทเพื่อการดำเนินธุรกิจกิจอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ บริษัทได้มีนโยบายการไม่รับชำระเงินสด ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4ปีก่อน โดยไม่รับชำระเงินสดที่มีเบี้ยประกันที่เกิน 5,000 บาทขึ้นไป และลดลงวงเงินเหลือไม่รับชำระเงินสดส่วนเกิน 2,000 บาทขึ้นไปในปัจจุบัน และในเดือนเม.ย.จะไม่รับชำระเงินสด 100% ซึ่งบริษัทได้มีการอธิบายทำความเข้าใจลูกค้ามาโดยตลอดในช่วงการของเปลี่ยนแปลงวิธีการชำระเบี้ยประกัน
บริษัท พบว่า ลูกค้ามีพฤติกรรมคุ้นเคยกับการชำระเงินสดบนแฟลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น และหันมาชำระเบี้ยประกันแบบไร้เงินสดมากขึ้น ปัจจุบันการชำระเบี้ยประกันแบบไร้เงินสดมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 97% จาก 88 % ในช่วงปลายปีก่อน โดยปัจจุบันยังมีสัดส่วนเพียง 3% เท่านั้นที่ยังชำระเบี้ยประกันเป็นเงินสด เชื่อว่าเราจะสามารถผลักดันได้ตามเป้าหมาย
ในส่วนของแผนการดำเนินธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า (2565-2567) บริษัทจะเน้นสร้างความสามารถในการแข่งขันของบริษัทเพื่อการดำเนินธุรกิจกิจอย่างยั่งยืน ผ่านยุทธศาสตร์ใน 5 มิติหลัของบริษัทเพื่อขับเคลื่อนสู่องค์กรแห่งความยั่งยืน ได้แก่ Health บริการด้านสุขภาพที่เป็นเลิศ Wealth ผลิตภัณฑ์ประกันที่เข้าใจได้ง่าย
สำหรับลูกค้าทุกลุ่ม Digital Insurance ทุกกระบวนการรับประกันในรูปแบบดิจิทัลภายใน 5 ปี Channel ช่องทางการขาย มีคุณภาพและครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายและโอกาสทางการตลาด และ Socail Responsibility ขยายบทบาทและหน้าที่ต่อชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม
นายโชน กล่าวอีกว่า ในส่วนของนโยบายการลงทุนภายใต้ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น บริษัทคงสัดส่วนพอร์ตการลงทุน 80% ในพันธบัตร สัดส่วน 10% ในหุ้น โดยเน้นกระจายการลงทุนในหุ้นต่างประเทศมากขึ้น แต่ภายใต้ความผันผวนจะพิจารณาการลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี กลุ่มหุ้นมูลค่ามากกว่าหุ้นเติบโต และหาจังหวะการลงทุนที่ราคาเหมาะสมและมีอัพไซด์ ส่วนอีก10%อาจมีการลงทุนในรีท หุ้นนอกตลาด และการปล่อยกู้ที่ทางคปภ.อนุมัติให้สามารถเข้าไปลงทุนได้แล้ว