คปภ.ย้ำเจอจ่ายจบ ยังคุ้มครอง เคลมสินไหมได้ตามปกติ ศาลปกครองกลางยังไม่รับฟ้อง หรือมีคำสั่งระงับ จ่อเชิญ 14 บริษัทประกันภัยทำความเข้าใจ สร้างความเชื่อมั่นประชาชน คาดเจอจ่ายจบเคลมทะลุ 4 หมื่นล้าน เหลือความคุ้มครองอีก 7 ล้านกรมธรรม์ ยังมีผลถึงเดือน มิ.ย. 65
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า หลังจากศาลปกครองกลางนัดไต่สวนคดีที่บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กับพวกยื่นฟ้องเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) กรณีขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 เรื่อง ให้ยกเลิกเงื่อนไขการใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโดยบริษัทในกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 สำหรับบริษัทประกันวินาศภัยลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 และขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 นั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2565 ได้มีการนัดทั้งสองฝ่ายมาไต่สวนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณาว่าจะรับคำฟ้องไว้พิจารณาหรือไม่ ซึ่งในระหว่างที่ศาลฯ ยังไม่ได้รับฟ้องและมีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราวฯ ตามที่บริษัทประกันภัยผู้ฟ้องคดียื่นคำขอ กรณีกรมธรรม์ประกันภัยโควิดแบบเจอ จ่าย จบ ยังคงมีผลใช้บังคับและให้ความคุ้มครองตามปกติ กรณีผู้เอาประกันภัยติดเชื้อและมีหลักฐานยืนยัน ก็สามารถเคลมประกันภัยกับบริษัทประกันภัยที่ฟ้องคดีได้ต่อไป
อย่าไรก็ตาม หากต่อมาศาลฯ รับฟ้องและมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว บริษัทฯ จะนำคำสั่งศาลมาเป็นเครื่องมือและอ้างในการนำมายกเลิกสัญญากับผู้เอาประกันภัย และจะทำให้ผู้เอาประกันภัยโควิดทั้งหมดกว่า 10 ล้านคนถูกลอยแพแน่นอน แต่ไม่ว่าศาลจะมีคำสั่งออกมาเป็นประการใด สำนักงาน คปภ.พร้อมยืนหยัดเคียงข้างประชาชน โดยจะต่อสู้คดีจนถึงที่สุดเพื่อคุ้มครองและปกป้องสิทธิประโยชน์ของประชาชนและผู้เอาประกันภัย เพื่อไม่ให้เกิดบรรทัดฐานใหม่ที่ให้บริษัทประกันภัยจะใช้เป็นเหตุในการบิดเบือนนำเหตุที่เกิดจากการบริหารความเสี่ยงที่ผิดพลาดของตนเอง และผลักภาระกลับไปให้กับประชาชนและผู้เอาประกันภัย เพราะจะเป็นการทำลายความเชื่อมั่นและความเชื่อถือที่ประชาชนมอบให้บริษัทประกันภัยในการบริหารจัดการความเสี่ยง
**ย้ำบริษัทประกันลอยแพลูกค้ากระทบเชื่อมั่น**
นายสุทธิพลกล่าวว่า “การทำประกันภัยโควิดเจอจ่ายจบคือการที่ประชาชนผู้เอาประกันภัยมอบความไว้วางใจให้บริษัทประกันภัยที่อาสามาช่วยบริหารความเสี่ยงให้ ฉะนั้นการไปบอกเลิกกรมธรรม์ฯ ในช่วงสถานการณ์วิกฤตขณะนี้ ทั้งๆ ที่เคยสัญญาว่าจะคุ้มครองจนสิ้นสุดอายุการคุ้มครอง โดยโยนความเสี่ยงที่มากขึ้นกลับคืนไปให้ประชาชน ถือเป็นการทำลายความเชื่อมั่นและความไว้วางใจที่ประชาชนมอบให้บริษัทประกันภัย จึงเป็นการเอาเปรียบประชาชนอย่างยิ่ง”
คปภ.ได้ยืนยันต่อศาลปกครองกลางว่า เป็นคำสั่งชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีผลย้อนหลังเป็นโทษต่อบริษัทประกันภัย แม้จะมีข้อความให้สิทธิคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดบอกเลิก ต้องแจ้งล่วงหน้า 30 วัน ไม่ได้หมายความว่าบริษัทสามารถบอกเลิกได้โดยอ้างว่ามีความเสี่ยงเปลี่ยนไป หรือจะขาดทุน แล้วบอกเลิกแบบเหมาเข่งกับผู้เอาประกันนับ 10 ล้านคน
**โอมิครอนจ่อทำยอดเคลมทะลุ 4 หมื่นล้าน**
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เคยให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันมี 16 บริษัทที่มีการออกแบบประกันเจอจ่ายจบ ซึ่งบางบริษัทมีอัตราการเคลมเงินประกันเป็นจำนวนมากและอาจมีบางบริษัทที่มีความเสียหายสูงกว่าเงินกองทุนไปแล้วและอาจเพิ่มสูงถึง 60%-70% ซึ่งอัตราการเคลมสินไหมล่าสุดของกรมธรรม์ประกันภัยโควิด ณ วันที่ 15 พฤศจิพฤศจิกายน 2564 อยู่ที่ประมาณ 37,000 ล้านบาท และน่าจะถึง 40,000 ล้านบาทในช่วงสิ้นปี 2564
ซึ่งจากคำสัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เป็นช่วงสิ้นปีที่อัตราผู้ติดเชื้ออยู่ที่ระดับ 2-3 พันคนต่อวัน ต่างจากปัจจุบันที่มีอัตราการติดเชื้อสูงถึง 7-8 พันคนต่อวัน ก็เป็นไปได้ว่ามูลค่าการเคลมจะสูงขึ้นไปอีกเมื่อเทียบกับอัตราการติดเชื้อ
นอกจากนี้ นายอานนท์ยังเคยประเมินว่าสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนมีความรุนแรงตามสถิติของงานวิจัย และมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงระดับ 10,000 รายต่อวัน เหมือนช่วงสายพันธุ์เดลตาระบาดนั้นอาจได้เห็นบริษัทประกันวินาศภัยที่ขายประกันโควิดแบบเจอ จ่าย จบ ถูกเพิกถอนใบอนุญาตเพิ่มอีกได้ จากเดิมที่ถูกเพิกถอนไปแล้ว 2 บริษัท
ทั้งนี้ ภาพรวมปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจน แต่ถือเป็นตัวแปรสำคัญ เพราะปัจจุบันกรมธรรม์ประกันภัยโควิดแบบเจอ จ่าย จบ ยังเหลือความคุ้มครองอีก 7 ล้านกรมธรรม์ กว่าจะหมดความคุ้มครองประมาณสิ้นเดือนมิถุนายน 2565