นายสุรเดช เกียรติธนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ทิศทางของตลาดทุนในปีหน้ายังคงเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ กำไรบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มเติบโตที่ดีโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเอเชีย อย่างไรก็ดี ความผันผวนจะยังปกคลุมสูง ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนจากการกลายพันธุ์ของโควิด-19 แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ รวมถึงการทำ QE Tapering และปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่อาจไม่เป็นไปตามคาด ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงยังควรให้ความสำคัญต่อการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ต
นายสุรเดชกล่าวต่อไปว่า สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว และรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ยังสามารถลงทุนได้ผ่าน 5 กองทุน SSF/RMF แนะนำจากกสิกรไทย ได้แก่ กองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม ชนิดเพื่อการออม (K-GINCOME-SSF), กองทุนเปิดเค พอสซิทีฟ เชนจ์ หุ้นทุน ชนิดเพื่อการออม (K-CHANGE-SSF), กองทุนเปิดเค พอสซิทีฟ เชนจ์ หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (KCHANGERMF), กองทุนเปิดเค ทาร์เก็ต รีไทร์เมนต์ 2035 เพื่อการเลี้ยงชีพ (K2035RMF) และกองทุนเปิดเค หุ้นทุนบริพัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ (KFLRMF) ซึ่งครอบคลุมทุกประเภทสินทรัพย์ โดยผู้ลงทุนสามารถกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวอยู่ในสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งเพียงอย่างเดียว
บลจ.กสิกรไทยได้จัดตั้งกองทุน K-CHANGE ทั้งในรูปแบบ SSF และ RMF โดยมีนโยบายการลงทุนที่เหมือนกัน แตกต่างกันที่เป้าหมายการลงทุน โดยผู้ลงทุนที่ต้องการเก็บออมในระยะยาว แนะนำ K-CHANGE-SSF สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการวางแผนเกษียณ แนะนำ KCHANGERMF ทั้งนี้ นโยบายการลงทุนของกองทุน K-CHANGE จะเน้นหุ้นกลุ่มนวัตกรรมที่เติบโตตามเทรนด์โลกและสร้างประโยชน์ต่อสังคม (Positive Impact) โดยลงทุนผ่านกองทุนหลัก Baillie Gifford Positive Change - Class B accumulation (GBP) ที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นติดอันดับ 5 ดาวจาก Morningstar (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 64) อีกทั้งยังเป็นกองทุนขายดีอันดับ 1 ในกลุ่ม SSF ทั้งอุตสาหกรรม
สำหรับกองทุน K-GINCOME-SSF เป็นกองทุนผสมที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนระหว่างการลงทุน โดยมีนโยบายการลงทุนกระจายในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วโลกทั้งเงินฝาก ตราสารหนี้ และหุ้น ผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Investment Funds - Global Income Fund, Class A (mth)-EUR ที่มีผู้เชี่ยวชาญคอยปรับสัดส่วนให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงเวลา เพื่อมุ่งหาสินทรัพย์ที่จ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอ
สำหรับกองทุน K2035RMF เป็นกองทุนที่เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการวางแผนเกษียณแต่ไม่มีเวลาปรับสัดส่วนการลงทุนด้วยตนเอง ทั้งนี้ กองทุนจะปรับสัดส่วนสินทรัพย์ให้อัตโนมัติตามช่วงอายุ (Glide Path) โดยในช่วงแรกจะเน้นลงทุนในหุ้นเพื่อให้เงินเติบโต และเมื่อขยับเข้าใกล้วันเกษียณอายุจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้มากขึ้น เพื่อป้องกันเงินต้นและลดความเสี่ยงจากการขาดทุน ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงสามารถลงทุนในกองทุน K2035RMF ได้ต่อเนื่องทุกปีจนเกษียณ อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ที่วางแผนเกษียณไว้ในปี ค.ศ. 2040 ก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุน K2040RMF ได้เช่นกัน
ส่วนผู้ลงทุนที่ยังชื่นชอบและเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทย มองว่าการเปิดประเทศจะช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวและภาคการบริการฟื้นตัว ก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุน KFLRMF ซึ่งเป็นกองทุนที่มีผู้เชี่ยวชาญคอยติดตามตลาด และใช้กลยุทธ์ปรับสัดส่วนหุ้นได้อย่างยืดหยุ่นตั้งแต่ 0% ถึง 100% เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด