ถ้าเป้าหมายชีวิตของคุณคือการมีสถานะการเงินที่มั่นคงและมีเงินใช้จ่ายในระยะยาวหลังเกษียณ “การลงทุน” เป็นเครื่องมือสำคัญที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับเงินของคุณได้ ยิ่งถ้าคุณเป็นพนักงานประจำหรือมีรายได้อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีด้วยแล้วล่ะก็ การซื้อกองทุน SSF และ RMF ถือเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจและได้ประโยชน์หลายต่อ เพราะนอกจากจะได้ลดหย่อนภาษีเมื่อลงทุนตามเงื่อนไขแล้ว ยังมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีและเป็นการสร้างความมั่นคงในอนาคตอีกด้วย
หากนับจากวันนี้เหลืออีกไม่กี่วันก็จะสิ้นปี 2564 แล้ว เราลองมาสำรวจพอร์ตการลงทุนกันอีกครั้งว่าได้มีการลงทุนกองทุน SSF และ RMF ครบตามที่ตั้งใจไว้หรือยัง เมื่อมาถึงขั้นตอนนี้เชื่อว่าคำถามที่จะตามมาคือ ระหว่าง SSF และ RMF จะซื้อกองทุนไหนดี ก็ต้องดูจากวัตถุประสงค์ในการลงทุน และระยะเวลาในการลงทุน เช่น หากมีเป้าหมายจะลงทุนในระยะเวลาประมาณ 10 ปี แน่นอนว่าตามเงื่อนไขของสรรพากรการลงทุนใน SSF ย่อมดีกว่า เพราะมีระยะเวลาที่ต้องถือครองเพียง 10 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อ แต่ถ้าวัตถุประสงค์คือการลงทุนระยะยาวสำหรับการเกษียณและต้องการลงทุนต่อเนื่องทุกปีแล้วล่ะก็ RMF คือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ เนื่องจากจะขายคืนได้ตอนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์และต้องถือครองไม่น้อยกว่า 5 ปีปฏิทิน ดังนั้น SSF และ RMF จึงเป็นเครื่องมือในการลงทุนระยะยาวที่ช่วยสร้างวินัยการลงทุนให้เรารอจนถึงเป้าหมายและช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเตรียมเงินเพื่ออนาคต
อย่างไรก็ตาม ช่วงอายุก็เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการพิจารณาลงทุนด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่าง เช่น กรณีที่เริ่มลงทุนตอนอายุ 50 ปี การลงทุนใน RMF จะใช้ระยะเวลาลงทุนที่สั้นกว่าการลงทุนใน SSF เพราะสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ตอนอายุ 55 ปีบริบูรณ์ เท่ากับว่าใช้ระยะเวลาในการลงทุนเพียง 5 ปีเท่านั้น ในทางกลับกันหากเลือกลงทุนในกองทุน SSF ตอนอายุ 50 ปี จะต้องถือครองเป็นระยะเวลา 10 ปี ทำให้สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ตอนอายุ 60 ปี ดังนั้น ระยะเวลาและช่วงอายุในการลงทุนจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเช่นกัน เพราะหากมีความจำเป็นที่ต้องขายคืนหน่วยลงทุนออกมาก่อนครบระยะเวลาการลงทุน จะต้องคืนภาษีที่ได้รับการลดหย่อนมาพร้อมกับค่าปรับอีกด้วย
ที่สำคัญคือไม่ควรลงทุนเกินสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับ โดยเงินลงทุนในกองทุน SSF ต้องไม่เกิน 30% ของเงินได้ และไม่เกิน 200,000 บาท ในส่วนเงินลงทุนใน RMF ต้องไม่เกิน 30% ของเงินได้และไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อนำกองทุน SSF และ RMF ไปรวมกับการออมเพื่อเกษียณอื่น ๆ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เบี้ยประกันบำนาญ กองทุนการออมแห่งชาติ เป็นต้น ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
การลงทุนในกองทุน SSF-RMF ไม่มีกองทุนใดดีที่สุด...มีแต่กองทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายของคุณที่สุด เช่น หากมีระยะเวลาลงทุนน้อย ไม่อยากเห็นผลขาดทุนเยอะ หรือเน้นรักษาเงินต้น นั่นหมายความว่าคุณเหมาะกับกองทุนที่เสี่ยงต่ำหรือปานกลาง อย่างกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตลาดเงินหรือตราสารหนี้ แต่ถ้าเป้าหมายการลงทุนคือเน้นโอกาสรับผลตอบแทนสูง มีเวลาลงทุนได้นานและรับความเสี่ยงได้มาก อาจพิจารณาเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในกองที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น เป็นต้น
อย่างไรก็ตามในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว การลงทุนในหุ้นมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนที่ดี เพราะผลประกอบการของบริษัทจะกลับมาเติบโต โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทที่ผลประกอบการมักเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ อีกทั้งแนวโน้มเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลให้ธนาคารกลางหลายประเทศ โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ อาจตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด ถึงแม้หลังมีการขึ้นดอกเบี้ยแล้วอัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าในอดีต การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูง โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นต่างประเทศเพราะช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุนไม่ให้จำกัดอยู่แต่ในประเทศและเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนตามเทรนด์การลงทุนของโลกอีกด้วย
สำหรับโค้งสุดท้ายในการลงทุนในกองทุน SSF และ RMF บลจ.กรุงศรี ขอแนะนำในธีมการลงทุนเด่นที่มีโอกาสเติบโตสูงตามเทรนด์โลก และเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีให้กับพอร์ตการลงทุน เช่น การลงทุนในธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่มีการนำเทคโนโลยีมาช่วย “ลด” ผลกระทบ หรือ “ปรับ” รูปแบบธุรกิจให้สามารถเติบโตท่ามกลางภาวะ Climate Change เช่น พลังงานทางเลือก การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศหลัก ๆ ทั่วโลกที่เข้มงวดมากขึ้น เห็นได้จากการที่สหภาพยุโรปได้ตั้งเป้าหมายในการลดคาร์บอนให้เหลือ 0% ภายในปี 2050 ประเทศจีนตั้งเป้าลดคาร์บอนให้เหลือ 0% ภายในปี 2060 ด้านสหรัฐก็คาดว่าจะมีการประกาศนโยบายในการลดคาร์บอนเช่นกัน
ธีมการลงทุนในหุ้นเติบโตสูงทั่วโลกที่ได้รับประโยชน์การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เช่น ธีมรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ธีมนวัตกรรมด้านสุขภาพ และ e-commerce เป็นต้น ซึ่งหุ้นเติบโตสูงถือเป็นธีมการลงทุนที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลกและมีแนวโน้มเติบโตได้อีกหลายเท่าจากปัจจุบัน
รวมถึงการลงทุนในบริษัทเจ้าของแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำระดับโลกที่มีความได้เปรียบทางการแข่งขัน มีฐานลูกค้าทั่วโลก และที่สำคัญคือมีความทนทานต่อวัฏจักรเศรษฐกิจ เช่น จึงเหมาะสำหรับเป็นสินทรัพย์หลักของพอร์ตการลงทุนคุณภาพสูงนั่นเอง
การเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน SSF และ RMF 3 ธีมเด่นนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนดี ๆ ของพอร์ตในอนาคตจากการลงทุนในหุ้นเด็ดทั่วโลกเหมาะกับเป้าหมายการลงทุนระยะยาว เพราะธีมการลงทุนที่สอดคล้องและได้ประโยชน์จากเทรนด์ต่าง ๆ ของโลก จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนที่มองหาผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวควบคู่ไปกับสิทธิในการลดหย่อนภาษี
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนสามารถลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์อย่าง KMA Application และ @ccess Mobile รวมทั้ง @ccess Online ได้อีกด้วย โดยจะลงทุนผ่านบัตรเครดิตกรุงศรี หรือแลกพอยต์บัตรเครดิตมาลงทุนก็ได้ ทั้งนี้ การซื้อหน่วยลงทุนไม่เข้าร่วมรายการส่งเสริมการขายกับบัตรเครดิต
ไม่อยากพลาดสิทธิลดภาษี สามารถสอบถามข้อมูลหรือรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ.กรุงศรี โทร. 02-657-5757 หรือเว็บไซต์ www.krungsriasset.com หรือ ติดต่อธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา
กองทุน SSF-RMF แนะนำ https://www.krungsriasset.com/TH/News/Promotion/toppicks_SSF_RMF_64.aspx
*** SSF เป็นกองทุนเพื่อส่งเสริมการออม | RMF ลงทุนเพื่อเกษียณอายุ
ผู้ถือหน่วยลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี หากไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน ***