นายไชยไชยวรรณประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทไทยประกันชีวิตจำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่าบริษัทฯได้ดำเนินการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน (Filing)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO)ประมาณ 20%ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่จำหน่ายและอาจมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินเป็นจำนวนไม่เกิน 15%ของจำนวนหุ้นสามัญที่เสนอขายในครั้งนี้โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯประมาณปี 2565ซึ่งจะเป็นปีที่บริษัทฯดำเนินธุรกิจครบ 80ปีและมีบริษัทหลักทรัพย์โนมูระพัฒนสินจำกัด (มหาชน)และบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทรจำกัด (มหาชน)เป็นที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับการทำ IPO
ทั้งนี้บริษัทฯได้ศึกษาและเตรียมพร้อมสำหรับการทำ IPOและการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วเป็นไปตามวิสัยทัศน์ในการมุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืนเนื่องจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อเสริมสร้างศักยภาพและความแข็งแกร่งรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนขณะเดียวกันยังสอดรับกับ Business Landscapeของธุรกิจประกันชีวิตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งยังเป็นโอกาสในการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อยกระดับการกำกับดูแลและบริหารจัดการองค์กรไปสู่ระดับสากลรวมถึงยกระดับแบรนด์ไทยประกันชีวิตให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ
การระดมทุนดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการพัฒนาธุรกิจของบริษัทฯให้ดียิ่งขึ้นเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจประกันชีวิตของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยการระดมทุนจะนำไปใช้ต่อยอดธุรกิจในด้านต่างๆเพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนทั้งการลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation)การขยายตลาดการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของช่องทางจัดจำหน่ายการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินทุน
“ฐานะทางการเงินของบริษัทฯในปัจจุบันมีความแข็งแกร่งมากโดยมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฏหมายณวันที่ 30มิถุนายน 2564อยู่ที่ 334%ซึ่งสูงกว่าอัตราที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)กำหนดที่ 120%และบริษัทฯยังมีส่วนของผู้ถือหุ้นสูงถึง 82,184ล้านบาทซึ่งมากเป็นอันดับที่สามของธุรกิจประกันชีวิตไทย”นายไชยกล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในรอบ 3ปีที่ผ่านมา (2561-2563)บริษัทฯมีรายได้รวม 100,851.67ล้านบาท 108,388.70ล้านบาทและ 107,642.26ล้านบาทตามลำดับขณะที่มีกำไรสุทธิย้อนหลัง 3ปีอยู่ที่ 6,709.23ล้านบาท 6,777.35ล้านบาทและ 7,692.32ล้านบาทตามลำดับส่งผลให้มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR)ระหว่างปี 2661 – 2563ประมาณ 7.1%ส่วนผลการดำเนินงานณวันที่ 30มิถุนายน 2564บริษัทฯมีรายได้รวม 50,744.50ล้านบาทขณะที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,935.33ล้านบาทคิดเป็นอัตราการเติบโต 42.3%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ที่ส่งผลกระทบต่อหลายธุรกิจแต่บริษัทฯไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวเนื่องจากอัตรการจ่ายสินไหมสุขภาพของบริษัทฯช่วงก่อนเกิดโควิด-19และหลังการแพร่ระบาดอยู่ในอัตราที่ใกล้เคียงกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บริษัท ไทยประกันชีวิต ได้ทำการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขออนุญาตเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 2,384.32 ล้านหุ้น คิดเป็น 20.6% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด
ทั้งนี้ แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายโดยบริษัทจำนวนไม่เกิน 1,000 ล้านหุ้น, หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยบริษัท วี.ซี.สมบัติ จำกัด จำนวน 1,218.82 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย Her Sing (H.K.) Limited จำนวนไม่เกิน 165.50 ล้านหุ้น