นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด (บลจ.วรรณ) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบัน ทำให้บริษัทเล็งเห็นความต้องการลงทุนที่มีความเกี่ยวข้องกับความยั่งยืนในเชิงการเติบโตของธุรกิจและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมมากขึ้น ซึ่งบริษัทได้พิจารณาถึงความต้องการดังกล่าว ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์โอกาสการเติบโตของบริษัทในกลุ่ม ESG และแนวโน้มเศรษฐกิจและสังคมเพื่อหาโอกาสการลงทุนที่ดี จึงได้เปิดเสนอขาย กองทุนเปิด วรรณ เอเชียแปซิฟิค ESG (ONE-APACESG) โดย APACESG จะเป็นกองทุน Feeder Fund เน้นลงทุนผ่านกองทุนหลัก BNP Paribas Green Tiger Fund ไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยมีการกระจายการลงทุนไปยังหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย โดยสัดส่วนการลงทุนประเทศ 5 อันดับแรกอยู่ที่ประมาณ 20% 19% 18% 12% และ 10% ตามลำดับ ทั้งนี้ กองทุนยังกระจายการลงทุนไปในประเทศเกาหลีใต้ และฮ่องกงด้วยเช่นกัน และธุรกิจ 5 อันดับแรกที่ลงทุน ได้แก่ ธุรกิจอุตสาหกรรม เทคโนโลยี สินค้าฟุ่มเฟือย สาธารณูปโภค และสินค้าจำเป็น ในสัดส่วน 33% 29% 14% 9% 4% ตามลำดับ
ONE-APACESG เป็นความร่วมมือกันระหว่าง บลจ.วรรณ กับธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) โดยทางธนาคารซีไอเอ็มบีจะเป็นพันธมิตรตัวแทนจำหน่ายกองทุนนี้เป็นหลัก และจะเปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 19 กรกฎาคม-4 สิงหาคม 2564 นอกจากนี้ ONE-APACESG จะเน้นลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียน, พลังงานทดแทน, การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ, โครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีทางน้ำ, การจัดการของเสีย, การบริการด้านสิ่งแวดล้อม และธุรกิจอาหารแบบยั่งยืน เป็นต้น
ในส่วนของผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก BNP Paribas Green Tiger Fund ที่ผ่านมามีการเติบโตที่ดี โดย 3 ปี 2 ปี และ 1 ปี มีผลตอบแทบเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 14.39% 25.89% และ 57.34% หากเปรียบเทียบกับดัชนีเกณฑ์มาตรฐาน MSCI Asia Pacific ex Japan NTR USD 80%, MSCI Japan NTR USED 20% ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 9.87% 20.69% และ 45.87% ตามลำดับ
หากพิจารณาด้านความผันผวนของกองทุนหลัก ข้อมูล ณ วันที่ 22 มิ.ย. 64 พบว่าอยู่ประมาณ 15.50% ซึ่งค่อนข้างน้อยกว่ากองทุนต่างประเทศที่ลงทุนในหุ้น Asia Pacific และเน้นบริหารการลงทุนเชิงรุกที่มีอยู่ในตลาดในปัจจุบันซึ่งมีความผัวผวนอยู่ในกรอบเฉลี่ย 17-24% นอกจากนี้ กองทุน BNP Paribas Green Tiger Fund มีค่าสหสัมพันธ์ที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโลก ตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิก และตลาดหุ้นญี่ปุ่นในภาพรวม ซึ่งเหมาะสำหรับจัดสรรพอร์ตเพื่อการกระจายการลงทุน หากเทียบกับกองทุนประเภทหุ้นอื่นทั่วๆ ไป
“บลจ.วรรณพยายามผสมผสานโอกาสการลงทุนควบคู่ไปกับสนับสนุนธุรกิจที่เติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยเศรษฐกิจเอเชียมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นในระยะข้างหน้า จากสัดส่วนประชากรในวัยแรงงานที่มีอยู่ในระดับสูง ทำให้ภูมิภาคเอเชียจะกลายเป็นกำลังสำคัญในการใช้จ่ายสินค้าและบริการของโลก ช่วยหนุนรายได้ของบริษัทที่มีฐานลูกค้าในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มแข็งแกร่งต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มเติบโตไปกับ Trend โลกยุคใหม่ในระยะข้างหน้าด้วย ในแง่มุมของมูลค่าในตลาด Valuation ของหุ้นเอเชียยัง laggard กว่าตลาดหุ้นในกลุ่ม DM ดังนั้น หากให้จัดพอร์ตการลงทุน ผมมองว่าการลงทุนในกองทุน ESG จะช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตได้ในระยะยาว เนื่องจากจดทะเบียนในกลุ่มดังกล่าว ยังได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐบาลในหลายๆ ประเทศ เช่น ญี่ปุ่น จีน รวมถึงอินเดีย” นายพจน์กล่าว
นายพจน์กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้บริษัทมีความพร้อมที่จะสนับสนุนการลงทุนเพื่อเสริมสร้างการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน (ESG) ในฐานะสถาบันทางการเงิน โดยส่งเสริมธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และความโปร่งใสให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งได้จัดตั้งโครงการ วรรณคืนกำไร ปันน้ำใจสู่สังคม โดยยอดเงินลงทุนทุกๆ 1,000 บาท บริจาค 1 บาท เพื่อมอบแก่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ แนวคิดดังกล่าวจะไม่กระทบต่อยอดเงินลงทุนของผู้ถือหน่วยแต่อย่างใด แต่จะคำนวณจากการรับรู้รายได้ของยอดขายกองทุนนี้เท่านั้น