xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.วี เชื่อตลาดเกิดใหม่ ศก.ฟื้น เปิดกองลุยหุ้นธุรกิจรับอานิสงส์เติบโตสูง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด (บลจ.วี) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเกิดใหม่มีการเติบโตในระดับสูงต่อเนื่อง ในช่วงที่ผ่านมาสูงกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (G7) เฉลี่ยประมาณสองเท่า คาดว่า ในปี 2050 ประเทศเกิดใหม่จะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก นำโดยประเทศจีน อันดับที่ 1 อินเดีย อันดับที่ 2 และ อินโดนีเซีย จะอยู่ในอันดับที่ 4 โดยเฉพาะภาคการบริโภคในกลุ่มประเทศเกิดใหม่จะเติบโตแตะระดับ 30 ล้านล้านเหรียญฯในปี 2025 หรือคิดเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของทั่วโลก

ทั้งนี้ ปัจจัยผลักดันสำคัญคือ การขยายตัวของสังคมเมือง (Urbanization) ประกอบกับการเติบโตของประชากร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนอายุในช่วงระหว่าง 20-30 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนแนวโน้มอุปสงค์ของโลก การเติบโตของชนชั้นกลาง ( Rising Middle Class) ในเอเชียโดยเฉพาะจีนและอินเดีย ที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.5 พันล้านคน ในปี 2035 ทำให้เกิดความต้องการบริโภคที่สูง ส่งผลให้เกิดการเกิดพัฒนานวัตกรรม, ออกแบบผลิตภัณฑ์, การผลิต, การจัดจำหน่ายและการจัดการระบบห่วงโซ่การผลิตต่างๆ (Supply Chain) เพื่อรองรับความต้องการที่ขยายตัวและเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ

ดังนั้น การเติบโตของตลาดเกิดใหม่จะมีสัดส่วนการเติบโตต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้น ปัจจุบันมีสัดส่วนการเติบโตอยู่ที่ 60% ของ GDP ทั่วโลกและคาดว่าจะเพิ่มเป็น 70% นับตั้งแต่นี้ไปจนถึงปี 2025 ซึ่งมีผลทำให้การได้ประโยชน์จากการเติบโตของตลาดเกิดใหม่นั้นจะไม่จำกัดอยู่ในธุรกิจของกลุ่มประเทศเกิดใหม่เท่านั้น หลายบริษัทในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วโดยเฉพาะบริษัทที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ มีแนวโน้มที่จะเติบโตจากความต้องการบริโภคและการบริการในระยะยาวตามไปด้วย

ด้วยแนวโน้มดังกล่าว บลจ.วี จึงเปิดเสนอขาย IPO กองทุนเปิด วี ดีเวลลอปปิ้ง เวิลด์ (WE-DEWORLD) ระหว่างวันที่ 2-8 เม.ย. 2564 ลงทุนผ่าน กองทุนหลัก Artisan Partners Developing World FUND ที่นโยบายลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่ได้ประโยชน์จากการอุปโภคและบริโภคที่เติบโตในตลาดเกิดใหม่ ผ่านการบริหารโดยผู้จัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญการลงทุนในตลาดเกิดใหม่

จุดเด่นของกลยุทธ์กองทุนหลัก คือ การ Stock picking คัดเลือกลงทุนในบริษัทที่มีระดับการเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด มีปัจจัยพื้นฐานการเติบโตที่แข็งแกร่ง บริษัทที่มีกระแสเงินสดมั่นคงมีความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ (Scalability) และ มีการดำเนินธุรกิจที่ไม่กระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ (Durability) ซึ่งอยู่ใน 3 กลุ่มดังต่อไปนี้ 1. Greater China จากการที่ธุรกิจมีความยืดหยุ่น สามารถปรับขนาดธุรกิจได้ 2. Transcenders บริษัทในประเทศตลาดเกิดใหม่ที่มีความสามารถปรับตัวก้าวข้ามความผันผวนและวัฏจักรเศรษฐกิจได้ 3. Passporter Companies บริษัทจดทะเบียนในภูมิภาคอื่นที่มีธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของประเทศเกิดใหม่ นอกจากนี้เนื่องจากตลาดเกิดใหม่มีความผันผวนต่อการไหลเข้าออกของกระแสเงินการลงทุน ทางกองทุนหลักจึงเน้นการคัดเลือกหุ้นที่มีความต้านทานจากความผันผวนของการไหลเข้าออกของเงินทุน รวมถึงมีการจัดการเรื่องความผันผวนของค่าเงินเพื่อลดความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน

สำหรับตัวอย่างบริษัทที่กองทุนลงทุนเช่น 1) บริษัท Sea Limited ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ, คอมพิวเตอร์ออนไลน์ส่วนบุคคล และเนื้อหาดิจิทัลบนมือถือ, อี-คอมเมิร์ซ และแพลตฟอร์มการชำระเงินซึ่งให้บริการลูกค้าทั่วโลก

2) บริษัท Visa Inc. ดำเนินธุรกิจการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับร้านค้าปลีกและจัดการบริการทางการเงินทั่วโลก นอกจากนี้บริษัทยังนำเสนอการค้าทั่วโลกและข้อมูลระหว่างสถาบันการเงิน, ร้านค้า, ผู้บริโภค, ธุรกิจและหน่วยงานของรัฐ

3) บริษัท Alibaba Group Holding Limited บริษัท โฮลดิ้งให้บริการโครงสร้างพื้นฐานทางอินเทอร์เน็ต การเงินออนไลน์และบริการเนื้อหาทางอินเทอร์เน็ตผ่านบริษัทย่อยที่ให้บริการทั่วโลก

4) บริษัท MercadoLibre Inc. (MELI) ตลาดซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคละตินอเมริกา

5) บริษัท NVIDIA Corporation ผู้ออกแบบพัฒนาและวางจำหน่ายโปรเซสเซอร์กราฟิกสามมิติ (3D) และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องบริษัทนำเสนอผลิตภัณฑ์กราฟิก 3 มิติแก่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั่วไป

ด้วยกลยุทธ์การลงทุนและการคัดเลือกบริษัท ทำให้ผลการดำเนินงานของ กองทุนหลัก Artisan Partners Developing World Fund มีการเติบโตที่น่าสนใจ โดย ณ วันที่ 28 ก.พ. 2021 ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือนอยู่ที่ 0.81% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.69% ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี อยู่ที่ 3.69% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 89.66% ต่อปี และผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 54.44% ต่อปี เทียบกับดัชนีมาตรฐาน MSCI Emerging market index อยู่ที่ 0.76% , 3.85% , 3.85% , 36.05% ต่อปี และ 16.15% ต่อปี ตามลำดับ

“บลจ.วี ประเมินว่า กระแสเงินทุนที่ไหลออกจากตลาดสหรัฐฯ ส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าเป็นปัจจัยที่สนับสนุนการขยายตัวของรายได้บริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ และทำให้ตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่มีโอกาสปรับตัวสูงกว่าตลาดประเทศพัฒนาแล้ว ขณะเดียวกัน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการฉีดวัคซีน ยังปัจจัยบวกให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกกลับมา ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อตลาดเกิดใหม่ “กองทุน WE-DEWORLD” จึงเป็นจังหวะสำหรับการลงทุนที่น่าสนใจ เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว จากการเติบโตของกลุ่มประเทศเกิดใหม่” นายอิศรา กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น