บลจ.วรรณรายได้เพิ่ม คาดสิ้นปี AUM แตะ 1.45 แสนล้านบาท ล่าสุดเปิดกองใหม่เจาะนักลงทุนขาใหญ่รับความเสี่ยงได้ พร้อมตั้งเป้าเปิดบริษัทลูกใหม่ปีหน้า หวังเพิ่มช่องทางการขายสร้างรายได้ ระบุแนวโน้มหุ้นไทยแกว่งในกรอบ 1,180-1,220 จุด เหตุการชุมนุมกดดัน
นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นเกินกว่าที่คาดการณ์ภายหลังสถานการณ์โควิด โดยเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 4-5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยบริษัทได้เน้นการปรับกลยุทธ์แนะนำการลงทุนให้ลูกค้าแบบเชิงรุกมากขึ้น โดยให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นต่างประเทศเป็นหลัก
ส่วนสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 1.41 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นกองทุนรวม 36% กองทุนส่วนบุคคล 27% กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 37% และคาดว่าสิ้นปีเอยูเอ็มของบริษัทจะอยู่ที่ 1.45 แสนล้านบาทได้
ล่าสุดบริษัทจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิด วรรณ ไลฟ์ เซทเทิลเมนท์ ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (ONE-LS-UI) เงินลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม-20 พฤศจิกายน 2563 โดยเป็นกองทุนทางเลือกที่ไม่อิงต่อการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้น แต่จะเน้นการลงทุนจากการเข้าซื้อขายกรมธรรม์ประกันชีวิตในสหรัฐอเมริกา (โดยทั่วไปเรียกว่า Life Settlement) ที่ออกโดยบริษัทประกันชีวิตในสหรัฐอเมริกาในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่แผนการดำเนินงานของบริษัทถัดจากนี้จะยังคงเน้นการเพิ่มช่องทางการขายให้เพิ่มขึ้น ควบคู่กับการให้คำแนะนำการลงทุนเชิงรุกเพื่อให้ทันต่อภาวะตลาดมากที่สุด โดยบริษัทเตรียมเปิดตัวบริษัทในเครือใหม่เพื่อดำเนินธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขาย ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีพันธมิตรทางธุรกิจประมาณ 10 แห่ง และพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในครึ่งปีแรกของปี 2564
“บริษัทในเครือใหม่ที่กำลังจะเปิดดำเนินการ ทาง บลจ.วรรณถือหุ้น 100% และเป็นอีกหนึ่งช่องทางธุรกิจที่สร้างรายได้ให้ บลจ.วรรณ ซึ่งผมมองว่า บลจ.วรรณไม่ได้เป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่มีแม่เป็นธนาคารพาณิชย์ ดังนั้น เราจะต้องพัฒนาธุรกิจเพื่อสร้างรายได้และเพิ่มช่องทางการขายของผลิตภัณฑ์ บลจ.วรรณ อีกทั้งจะต้องมีการปรับตัวใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยผมเชื่อมั่นว่าธุรกิจใหม่ของ บลจ.วรรณจะมีกลยุทธ์และการบริการที่แตกต่างจากที่มีอยู่ในอุตสาหกรรม ณ ปัจจุบันนี้” นายพจน์กล่าว
นายมณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ กล่าวว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะอยู่แถวๆ 1,200 จุด บวกลบ 20 จุด เพราะการชุมนุมทางการเมืองยังกดดัน ขณะเดียวกันตลาดยังรอความชัดเจนการเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ และรอการค้นพบวัคซีน แม้จะเริ่มทดลองกับคนในเฟส 3 แล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยในปีนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ มีเป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้ที่ระดับ 1,380 จุด จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐที่ได้ผลตอบรับดีและไม่มีการระบาดระลอกสอง ส่วนปีหน้าตั้งเป้าดัชนีที่ 1,440 จุด ภายใต้สมมุตฐานกำลังการผลิตทั่วโลกและกิจกรรมทางการค้าเริ่มฟื้นตัว
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามช่วงที่เหลือของปีนี้ ประกอบด้วย 1. ความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีน แม้ว่าจะอยู่ในเฟส 3 ที่คาดว่าจะรู้ผลปลายเดือน ต.ค.นี้ 2. การเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางเศรษฐกิจและการเงินโลก 3. เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้าๆ คาดว่าปีนี้ GDP จะอยู่ที่ประมาณ -7% ถึง -8% และคาดว่า GDP ปีหน้าจะเริ่มขยายตัวดีขึ้นจากฐานที่ต่ำในปีนี้ และยังคาดอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำถูกกดดันจากราคาน้ำมัน
