xs
xsm
sm
md
lg

บัวหลวงเปิดตัวฟันด์ออฟฟันด์ ลงทุนอสังหาฯ-อินฟราฯ ทั้งไทย-เทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือกองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า กองทุนเปิดฟันด์ออฟฟันด์บัวหลวงโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ หรือกองทุน B-IR-FOF จะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม-3 กันยายน 2562 นับเป็นครั้งแรกที่กองทุนบัวหลวงเปิดตัวกองทุนรวมประเภทฟันด์ออฟฟันด์ที่จะไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ ผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนรวมหลายกองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

“เราออกกองทุนนี้ตามเสียงเรียกร้องของลูกค้าและนักลงทุนที่ต้องการจัดสรรเงินลงทุนส่วนหนึ่งไปยังสินทรัพย์ทางเลือกที่มีเป้าหมายจะให้ผลตอบแทนในระดับความเสี่ยงที่ต่ำกว่าหุ้น แต่สูงกว่าตราสารหนี้” นายพีรพงศ์กล่าว

B-IR-FOF จะลงทุนผ่านกองทุนรวมหลายกองทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) และกองทุนรวมอีทีเอฟ (ETF) ที่เน้นลงทุนหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ จะลงทุนในกองทุนรวมดังกล่าวโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของกองทุนรวม B-IR-FOF

นายพีรพงศ์กล่าวว่า จุดเด่นของ B-IR-FOF คือทำให้นักลงทุนสามารถกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกที่มีรายได้จากธุรกิจที่มีศักยภาพได้หลากหลายมากขึ้น เช่น สำนักงาน ศูนย์การค้า โรงงาน คลังเก็บสินค้า เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ โรงแรม ศูนย์การประชุม ศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ และโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ

การที่ B-IR-FOF เปิดให้จองซื้อขั้นต่ำที่ 500 บาท ทำให้ผู้ที่มีเงินลงทุนเริ่มต้นน้อยมีโอกาสเข้าถึงการลงทุนผ่านกองทุนรวมนี้ได้ด้วย ทั้งยังมีโอกาสรับเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง

นอกจากนี้ B-IR-FOF ยังสามารถเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ของ บลจ.ต่างๆ ในไทย รวมถึงกองทุนดังกล่าวที่กองทุนบัวหลวงเป็นบริษัทจัดการได้ หากกองทุนนั้นจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ และมีราคาซื้อเหมาะสม ก็สามารถเข้าลงทุน

ในปัจจุบันประเทศไทยมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 38 กองทุน ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 23 กองทุน และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน 8 กองทุนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 7.3 แสนล้านบาท คิดเป็น 4.1% ของมูลค่าตลาด และในช่วงที่ผ่านมา กองทุนกลุ่มนี้ให้เงินปันผลตอบแทนเฉลี่ย 5.5% ต่อปี สูงกว่าอัตราเงินปันผลจากบริษัทจดทะเบียนซึ่งอยู่ที่ 3%

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวต่อว่า กองทุนนี้นอกจากจะลงทุนในประเทศไทยแล้ว ยังกระจายการลงทุนไปในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งถือว่าเป็นตลาด REITs ที่มีขนาดอันดับใหญ่ต้นๆ ของเอเชีย สิงคโปร์มีกองทุนประเภทดังกล่าวนี้ถึง 42 กองทุน มูลค่าตลาดรวม 95,300 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือคิดเป็น 10% ของมูลค่าตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ โดยที่ผ่านมาจ่ายเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ย 6.4% ต่อปี

“เนื่องจากกองทุนในสิงคโปร์มีการกระจายการลงทุนในหลายประเทศทั่วโลก เช่น จีน ออสเตรเลีย สหรัฐฯ เวียดนาม จึงตอบโจทย์เรื่องกระจายการลงทุนได้อย่างดี ขณะเดียวกัน ทีมผู้จัดการกองทุนของเราก็มีประสบการณ์ในการลงทุนที่สิงคโปร์ ผ่านการลงทุนในกองทุน B-SENIOR, B-SENIOR-X และ B-INCOME อยู่แล้ว” นายพีรพงศ์กล่าว

“กองทุนบัวหลวงเชื่อมั่นว่าการลงทุนอย่างต่อเนื่อง (Staying Invested) ด้วยกลยุทธ์ลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย สามารถช่วยรับมือกับความไม่แน่นอนในอนาคตได้ ทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนที่เหมาะสม หากนักลงทุนกำลังมองหาการลงทุนที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนและความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น แต่สูงกว่าตราสารหนี้หรือเงินฝาก โดยมีโอกาสจะได้รับเงินปันผลระหว่างทาง กองทุน B-IR-FOF ก็เป็นทางเลือกที่ลงตัว แต่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงของการลงทุนในต่างประเทศได้ด้วย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น