xs
xsm
sm
md
lg

DIF ปันผลในอัตรา 0.3375 บาทต่อหน่วย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิตอล หรือ Digital Telecommunications Infrastructure Fund (DIF) เปิดเผยว่า กองทุน DIF ซึ่งเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่จัดตั้งขึ้นเป็นรายแรกและเป็นรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2561 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2561 ในอัตราหน่วยละ 0.3375 บาท โดยกองทุนได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีสิทธิในการรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 18 พฤษภาคม 2561 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 5 มิถุนายนนี้

สำหรับการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวเป็นการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานของกองทุน DIF ก่อนที่กองทุนจะดำเนินการเพิ่มทุนและเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่ในครั้งนี้ เพื่อสะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินงานที่สามารถสร้างรายได้และมีผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหน่วยเดิม อย่างไรก็ตาม หน่วยลงทุนใหม่ที่กองทุนกำลังจะเสนอขายในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนี้จะไม่ได้รับสิทธิในเงินปันผลจากการดำเนินงานงวด 4 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย. 2561)

“อัตราการจ่ายเงินปันผลของกองทุนเป็นไปตามผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2561 ที่ยังมีอัตราการเติบโตที่ดี และการประมาณการผลการดำเนินงานล่วงหน้าในงวดเดือนเมษายน 2561 ของกองทุน DIF ที่ได้คำนึงถึงความรอบคอบ เพื่อให้สามารถจัดสรรเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยในอัตรา 0.3375 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นอัตราที่เหมาะสมและสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนได้เป็นอย่างดี” นายสมิทธ์กล่าว

นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สาย Primary Distribution ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน Sole Global Coordinator และผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนในประเทศ กล่าวว่า กองทุน DIF อยู่ระหว่างเตรียมการเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่จำนวนรวมไม่เกิน 3,831 ล้านหน่วย ในราคาหน่วยละ 13.60-13.90 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมของหน่วยลงทุนที่เสนอขายทั้งหมดไม่เกินประมาณ 53,236 ล้านบาท และกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 3 ในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานจากกลุ่มทรู ได้แก่ 1. กรรมสิทธิ์ในเสาโทรคมนาคมสำหรับให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประมาณ 2,589 เสา 2. กรรมสิทธิ์ในใยแก้วนำแสง (Fiber Optic Cable หรือ FOC) สำหรับให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ อินเทอร์เน็ตและบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตรวมประมาณ 590,305 คอร์กิโลเมตร และ 3. สิทธิการเช่าระยะยาวประมาณ 30 ปีในใยแก้วนำแสงสำหรับให้บริการอินเทอร์เน็ตประมาณ 619,986 คอร์กิโลเมตร รวมทั้งสิทธิการซื้อ (Call Option) ใยแก้วนำแสงดังกล่าว โดยมีราคาใช้สิทธิสำหรับซื้อกรรมสิทธิ์ในใยแก้วนำแสง 1,300 ล้านบาท

ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าวของกองทุน DIF เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานจากการขยายขอบเขตพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศมากขึ้น และทำให้อายุสัญญาเช่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักยาวนานขึ้นหรือประมาณ 20 ปี ส่งผลให้สามารถรับรู้รายได้ภายใต้สัญญาเช่าระยะยาวที่ดีและประมาณการให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลต่อหน่วย (ตั้งแต่ 1 ก.ค. 2561-30 มิ.ย. 2562) จากหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 1.04 บาท จากเดิมที่จ่ายปันผลต่อหน่วยลงทุนอยู่ที่ 0.98 บาท (ปี 2560)


กำลังโหลดความคิดเห็น