xs
xsm
sm
md
lg

ทาลิสคาดหุ้นปีนี้ผันผวนน้อยลง ชูผลงานหนุน AUM แตะ 7 พันล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บลจ.ทาลิสตั้งเป้า AUM ปีนี้ 7 พันล้านบาท ชูบูทีคด้านการลงทุนในหุ้น เน้นผลตอบแทนระยะยาว 3-5 ปีเป็นตัวชูโรง ระบุหุ้นไทยปีนี้อยู่ในกรอบ 1,400-1,700 จุด แต่ความผันผวนน้อยลง พร้อมคาดกำไรบริษัทจดทะเบียนแตะ 1 ล้านล้านบาท หรือโตอีก 10% ส่วนปัจจัยลบช่วงที่เหลือของปีนี้จะมาจากภายนอกมากกว่าปัจจัยภายในประเทศ

นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทาลิส จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) แตะระดับ 7 พันล้านบาทได้ หลังจากปีที่ผ่านมา (2559) บริษัทมีเอยูเอ็มอยู่ที่ 5.3 พันล้านบาท ประกอบด้วยกองทุนส่วนบุคคล 4 พันล้านบาท และกองทุนรวม 1.3 พันล้านบาท

สำหรับกองทุนที่บริษัทเปิดขายอยู่ในปัจจุบันจะมีอยู่ด้วยกัน 8 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนตราสารทุน 6 กองทุน และกองทุนตราสารหนี้ 2 กองทุน โดยกองทุนรวมจะแบ่งเป็นสินทรัพย์สุทธิของกองตราสารหนี้ที่ 600 ล้านบาท และกองทุนตราสารทุนประมาณ 700 ล้านบาท ขณะที่กองทุนส่วนบุคคลประมาณ 90% จะเป็นการลงทุนในตราสารทุน

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทในปีนี้ยังคงเน้นการลงทุนในหุ้นระยะยาวประมาณ 3-5 ปี ภายใต้เงื่อนไขของลูกค้าที่ต้องการลงทุนกับบริษัท แต่เบื้องต้นลูกค้าจะต้องเข้าใจก่อนว่าการลงทุนในหุ้นมีความผันผวน ซึ่งการลงทุนในระยะยาวจะสามารถลดความผันผวนที่เกิดขึ้นได้

“การลงทุนต้องมองระยะยาว ซึ่งถ้าจะเก็งกำไรระยะสั้นมันก็จะกลายเป็นการพนันไป ซึ่งการลงทุนกับเราจะเน้นเลือกบริษัทที่มีอัตราการเติบโตสูง และจะเน้นภาพรวมของผลตอบแทนในระยะยาว และตอนนี้เรามีลูกค้ากองส่วนบุคคลประมาณ 400 ราย รายละ 40 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะเป็นการบอกปากต่อปากถึงผลงานของเรา และคงจะเน้นเรื่องหุ้นไปอีก 2-3 ปีต่อจากนี้ และหลังจากเรามีแทรกเรกคอร์ดแล้ว เชื่อว่าน่าจะมีช่องทางการจำหน่ายเพี่มขึ้นได้” นายฉัตรพีกล่าว

ด้านนายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ทาลิส กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนของหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้น่าจะปรับตัวดีขึ้นได้ เพราะในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมาหุ้นไทยมีการเคลื่อนไหวน้อยมาก โดยปัจจัยบวกที่เป็นผลดีต่อการลงทุนจะมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การส่งออก และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

โดยในส่วนของกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาทหรือเติบโตขึ้นประมาณ 10% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 9.1 แสนล้านบาทหรือเติบโตขึ้นถึง 27%

ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้น่าจะอยู่ในกรอบ 1,400-1,700 จุด แต่ความผันผวนน่าจะลดลงจากเดิมเนื่องจากในช่วง4-5เดือน ที่ผ่านมาค่าความผันผวนของดัชนีหุ้นไทยอยู่ในกรอบประมาณ 70 จุดหรือมีอัตราการแกว่งตัวแค่5% เท่านั้น แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจากสถิติแล้วหุ้นไทยมีความผันผวนสูงถึง 26-27% หรืออยู่ในกรอบการแกว่งตัวที่ประมาณ 300 จุด

“หุ้นไทยยังคงน่าลงทุนและมีความผันผวนลดลง เพราะถ้าดูราคากับการเติบโตของผลกำไรแล้วถือว่าอยู่ในระดับที่ถูก ซึ่งมีหุ้นหลายตัวในหลายกลุ่มอย่าง อสังหาฯ ลิสซิ่ง หรือแม้แต่มีเดียเองก็ยังมี ส่วนกลุ่มโรงพยบาลนั้นตอนนี้ราคาค่อนข้างสูงเพราะถ้าดูจากผลกำไรแล้วมันโตมาค่อนข้างมาก ซึ่งการที่จะเติบโตจากฐานที่สูงขึ้นนั้นเป็นเรื่องยาก ส่วนปัจจัยลบคงน่าจะมาจากการเมือง และเศรษฐกิจ ร่วมถึงเรื่องการก่อการร้ายในต่างประเทศซึ่งน่าจะมีน้ำหนักมากกว่าปัจจัยภายในประเทศ”นายประภาสกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น