นายวิทวัส อัจฉริยวนิช รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทยเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 3 กองทุน สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560-วันที่ 31 มีนาคม 2560 ซึ่งประกอบด้วยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เคพีเอ็น (KPNPF) โดยจะจ่ายปันผลในอัตรา 0.1100 บาทต่อหน่วย กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ไลฟ์สไตล์ (MJLF) ในอัตรา 0.2250 บาทต่อหน่วย และกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา (CTARAF) ในอัตรา 0.1600 บาทต่อหน่วย โดยทั้ง 3 กองทุนดังกล่าวจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนในวันที่ 7 มิถุนายน 2560 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวพร้อมกันในวันที่ 20 มิถุนายน 2560 นี้ รวมมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้นกว่า 145.25 ล้านบาท
นายวิทวัสกล่าวต่อไปว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เคพีเอ็น (KPNPF) มีนโยบายลงทุนในกรรมสิทธิ์ที่ดิน อาคารสำนักงาน และระบบสาธารณูปโภคของอาคารเคพีเอ็น ทาวเวอร์ บนถนนพระราม 9 ซึ่งผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2560 ที่ผ่านมาจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ และสามารถสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอจากค่าเช่าพื้นที่และบริการต่างๆ ภายในโครงการ ทั้งนี้ ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมามีการจ่ายปันผลแล้วรวม 16 ครั้ง รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2.1640 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ 5.50% ต่อปี
“สำหรับภาพรวมของตลาดอาคารพื้นที่เช่าสำนักงานยังคงตัวอยู่ในระดับที่ดีและมีแนวโน้มเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากปริมาณความต้องการพื้นที่เช่าที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่ปริมาณพื้นที่เช่าของอาคารสำนักงานโดยเฉพาะในเขตใจกลางเมืองไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก ส่งผลให้อัตราค่าเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ กองทุน KPNPF นับเป็นอีกหนึ่งกองทุนที่มีความน่าสนใจ โดยในไตรมาส 1/2560 ที่ผ่านมายังมีอัตราการเช่าพื้นที่ประมาณ 75.76%” นายวิทวัสกล่าว
ด้านกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ไลฟ์สไตล์ (MJLF) มีนโยบายลงทุนในสิทธิการเช่าอาคารโครงการเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รังสิต, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน และซูซูกิ อเวนิว รัชโยธิน โดยภาพรวมตลอดทั้งปี 2559 ที่ผ่านมา โครงการทั้ง 3 แห่งยังมีอัตราการเช่าเกือบเต็มตลอดในทุกไตรมาส ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2560 ที่ผ่านมาจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ทั้งนี้ ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมามีการจ่ายปันผลแล้วรวม 39 ครั้ง รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 9.3580 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ 9.57% ต่อปี
นายวิทวัสกล่าวต่อไปว่า “ภาพรวมของตลาดพื้นที่ค้าปลีกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จากจำนวนการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ค้าปลีกในปัจจุบันและที่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคต ทำให้คาดการณ์ว่าอัตราการเช่าของพื้นที่ธุรกิจค้าปลีกจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป ส่งผลให้อัตราค่าเช่าพื้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปด้วย โดยคาดว่าอัตราค่าเช่าพื้นที่ค้าปลีกในปี 2560 น่าจะเติบโตอยู่ที่ประมาณ 3-5% ใกล้เคียงกับช่วงปี 2559 ทั้งนี้ ตลอดทั้งปี 2559 ที่ผ่านมาโครงการทั้ง 3 แห่งของกองทุน MJLF มีอัตราการเช่าพื้นที่อยู่ประมาณ 97.9% ของพื้นที่เช่าทั้งหมด โดยถือเป็นอัตราการเช่าที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดซึ่งอยู่ที่ 96.0%”
ส่วนกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา (CTARAF) มีนโยบายลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและอาคาร รวมถึงระบบสาธารณูปโภคของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทสมุย โรงแรมระดับ 5 ดาว ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่ 25 ไร่ บนหาดเฉวง เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในไตรมาสที่ 1 ปี 2560 ที่ 88.5% ทั้งนี้ ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมามีการจ่ายปันผลแล้วรวม 29 ครั้ง รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5.7857 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนที่ 6.37% ต่อปี ด้านแนวโน้มธุรกิจการท่องเที่ยวของสมุยในปี 2560 คาดว่าการเติบโตของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มขยายตัวขึ้น โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากการขยายบริการของบางสายการบินที่เปิดเที่ยวบินตรงจากเมืองสำคัญต่างๆ ที่เป็นเขตอุตสาหกรรมในประเทศจีนมายังเกาะสมุยมากขึ้น ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนดังกล่าวถือเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง ส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรมบนเกาะสมุยที่คาดว่าจะมีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้น ส่วนผลการดำเนินงานของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทสมุยในปี 2559 ที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า และอยู่ในระดับที่สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งโดยตรง