กูรูทิสโก้มองดอลลาร์สหรัฐเตรียมกลับมาแข็งค่า หลังตลาดซึมซับข่าวการเลือกตั้งฝรั่งเศสไปมากแล้ว ประกอบกับแนวโน้มที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเดือน มิ.ย.นี้ ภาวะดอลลาร์แข็งนี้จะกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะทองคำและโลหะมีค่า จึงแนะนำขายทองคำและเก็บหุ้นญี่ปุ่นที่จะได้รับอานิสงส์จากค่าเงินเยนอ่อนค่า
นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแรงในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากการแข็งค่าของเงินยูโร ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ที่นาย Emmanuel Macron ผู้สมัครซึ่งมีนโยบายสนับสนุนสหภาพยุโรปได้รับชัยชนะ
เรามองว่าปัจจัยดังกล่าวน่าจะเริ่มมีน้ำหนักน้อยลงหลังตลาดซึมซับข่าวการเลือกต้้งฝรั่งเศสไปมากแล้ว และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐน่าจะกลับมาแข็งค่าในช่วงการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในวันที่ 14 มิ.ย.เริ่มใกล้เข้ามา โดยตัวเลขตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งและการใหัสัมภาษณ์ของตัวแทน Fed หลายท่านที่พูดในเชิงสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ย ทำให้เราคาดว่าโอกาสที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้ามีค่อนข้างสูง
ในขณะที่นาย Mario Draghi ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังย้ำถึงความจำเป็นในการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ทั้งการเข้าซื้อสินทรัพย์และการใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบ เนื่องจากเงินเฟ้อที่ยังต่ำกว่าเป้าหมาย
แนวทางการดำเนินนโยบายการเงินที่สวนทางกันนี้น่าจะเป็นปัจจัยหลักซึ่งจะทำให้ดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าขึ้น นอกจากนั้น ข้อมูลสถานะการลงทุนในตลาดซื้อขายล่วงหน้าของนักลงทุนกลุ่ม Hedge Funds ยังชี้ว่ามีการเก็งกำไรค่าเงินยูโรเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี และอาจชี้ว่ายูโรอาจถูกกดดันจากแรงขายทำกำไรในช่วงนี้
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่กลับมาแข็งค่าน่าจะกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะทองคำและกลุ่มโลหะอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลงมาแรงในช่วงนี้ ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นน่าจะได้รับผลบวกจากการอ่อนค่าของเงินเยน
ด้านราคาน้ำมัน เรามองว่ามีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่ลดลงต่อเนื่อง 5 สัปดาห์มาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งหากสต๊อกยังลดลงในอัตรา 5 ล้านบาร์เรลต่อเนื่องอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ก็จะทำให้สต๊อกลดลงอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปลายปี 2014 สต๊อกน้ำมันดิบที่ลดลงประกอบกับระดับการเก็งกำไรในตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่ลดลงมาอยู่ในระดับปกติน่าจะช่วยพยุงราคาน้ำมันให้เริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ต่อจากนี้