บลจ.กรุงไทยเผย มีหลายกองทุนที่น่าสนใจเหมาะสำหรับการกระจายพอร์ตการลงทุน และลงทุนในระยะยาว เช่น (KT-FLEX), (KTEF) เป็นต้น
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กองทุนเปิดเคแทม ยูโรเปียน ทริกเกอร์ ฟันด์ 8% (KTEURO8-1) จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติเข้ากองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2560 และในวันที่ 12 พฤษภาคม 2560 ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวจัดตั้งขึ้นในเดือนกันยายน 2558 โดยเป้าหมายบริษัทจะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.9000 บาท เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกันขึ้นไป และทรัพย์สินของกองทุนจะต้องเป็นเงินสดหรือเทียบเท่าเงินสดทั้งหมด โดยมูลค่าหน่วยลงทุนที่คืนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 108 ของมูลค่าที่ตราไว้ (10 บาท)
นอกจากนี้ บริษัทมีกองทุนติดอันดับ 4-5 ดาวจาก Morningstar ในเดือนเมษายน ที่มีผลการดำเนินงานน่าสนใจเหมาะสำหรับการกระจายพอร์ตการลงทุน และลงทุนในระยะยาว เช่น กองทุนเปิดกรุงไทย เฟล็กซิเบิ้ล ฟันด์ (KT-FLEX) ติด Morningstar ระดับ 4 ดาว สำหรับผลการดำเนินงาน 3 ปี เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ เงินฝาก ตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนด ในสัดส่วนตั้งแต่ 0-100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผลการดำเนินงานย้อนหลัง ณ วันที่ 28 เมษายน 2560 YTD อยู่ที่ 5.51% 1 ปีอยู่ที่ 9.86% และ 3 ปี อยู่ที่ 13.15% และกองทุนเปิดกรุงไทย สมาร์ท อิควิตี้ ฟันด์ (KTEF) ติดอันดับ Morningstar 5 ดาว สำหรับผลตอบแทน 3 ปี และ 4 ดาว ผลตอบแทน 5 ปี เน้นลงทุนในหุ้น โดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยเน้นลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางธุรกิจสูง ผลตอบแทนย้อนหลัง ณ วันที่ 28 เมษายน 2560 YTD อยู่ที่ 10.01% 1 ปี อยู่ที่ 15.98% 3 ปี อยู่ที่ 15.69% และ 5 ปี อยู่ที่ 17.84% ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีเป้าหมายการลงทุนในระยะยาว และรับความเสี่ยงได้ เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดี
ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลาง บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 147 (KTFF147) เสนอขายวันที่ 11-16 พฤษภาคม 2560 อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 10,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในเงินฝากประจำ China Construction Bank (Asia) Corporation Limited, Agricultural Bank of China (Hong Kong Branch), AI Khaliji Commercial Bank, Qatar, Commercial Bank QSC, Qatar, China Construction Bank (Asia) Corporation Limited, China, PT Bank Rakyat Indonesia (PERSERO) Tbk, Indonesia ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 18% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนบัตรเงินฝาก Industrial and Commercial Bank of China Limited (Luxembourg Branch) China ลงทุนในสัดส่วน 10% ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 1.45% ต่อปี โดยกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศอายุไม่เกิน 10 ปี มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามแรงขายเพื่อปรับพอร์ตของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศรองรับโอกาสที่เฟดอาจปรับเพิ่ม Fed Fund Rate ครั้งที่ 2 ในเดือนมิถุนายน ในขณะที่มีแรงซื้อกลับเข้ามาในพันธบัตรระยะยาว หลังเงินเฟ้อเดือนเมษายนของไทยมีการชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ในสัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิจำนวน 8,595 ล้านบาท ผลตอบแทนตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี อยู่ที่ 1.57% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี อยู่ที่ 2.16% และอายุคงเหลือ 10 ปี อยู่ที่ 2.79% ส่วนตราสารหนี้ของสหรัฐฯ อายุคงเหลือ 2 ปี อยู่ที่ 1.32% อายุคงเหลือ 5 ปี อยู่ที่ 1.89% และอายุคงเหลือ 10 ปี อยู่ที่ 2.36%