บลจ.กรุงศรีเผยข้อมูลจากการจัดอันดับของมอร์นิ่งสตาร์ไทยแลนด์ กองทุนหุ้นของ บลจ.กรุงศรีมีผลตอบแทบย้อนหลังในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 ติด 3 อันดับแรก ทั้งในกลุ่มกองทุนหุ้นทั่วไป กองทุนหุ้นขนาดใหญ่ หุ้นขนาดกลาง-เล็ก และกองทุน LTF
น.ส.ศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) เปิดเผยว่า “ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 กองทุนหุ้นภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มกองทุนหุ้นทั่วไป (Equity General) นอกจาก กองทุนเปิดกรุงศรีไฟแนนเชี่ยลโฟกัสปันผล(KFFIN-D) จะมีผลการดำเนินงานย้อนหลังสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มกองทุนแล้ว กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นไดนามิคปันผล (KFDNM-D) และกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นไดนามิค (KFDYNAMIC) ก็มีผลการดำเนินงานจัดอยู่ใน 10 อันดับแรกด้วย โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนที่ 9.70% 7.50% และ 7.41% ตามลำดับ ในขณะที่ดัชนีชี้วัดอยู่ที่ 2.96% นอกจากนี้ กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผล และกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นแวลู ก็อยู่ในกลุ่มกองทุนหุ้นที่มีผลการดำเนินงานที่ดีที่สุด (Top Quartile) เช่นกัน”
“สำหรับกองทุนหุ้นกรุงศรีไดนามิคทั้งสองกองทุนเน้นลงทุนในหุ้น 15-20 บริษัทที่คัดสรรแล้วว่ามีปัจจัยพื้นฐานดีและมีโอกาสเติบโตสูง โดยไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นหุ้นประเภทใด ถ้ามองผลตอบแทนย้อนหลังระยะยาว 1 ปีที่ผ่านมาก็อยู่ในกลุ่มกองทุนหุ้นที่มีผลการดำเนินงานที่ดีที่สุด (Top Quartile) ด้วย” (ข้อมูล : Morningstar Thailand ณ 31 มี.ค. 60 / ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต)
“สำหรับประเภทกองทุนหุ้นขนาดใหญ่ (Equity Large Cap) กองทุนเปิดกรุงศรีเอ็นแฮนซ์เซ็ท 50 (KFENSET50) สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ของกลุ่มกองทุน โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนที่ 4.49% สูงกว่าดัชนีชี้วัดคือ 2.96% ในส่วนของกองทุน LTF ที่ติดอันดับกลุ่มกองทุนที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุด (Top Quartile) จำนวน 5 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวแอ็คทีฟ SET50 ปันผล (KFLTFA50-D) โดยสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงสุดเป็นอันดับ 3 ของกลุ่มกองทุน มีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่ 5.68% และเป็นกองทุน LTF ที่มีการบริหารแบบแอ็กทีฟที่ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มียอดเงินลงทุนเพิ่มขึ้นเท่าตัวเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2559 โดยมียอดเงินลงทุนรวมกว่า 1,035 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมี กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาว SET50 (KFLTF50) มีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่ 3.89% กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล (KFLTFDIV) มีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่ 3.88% กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวออลสตาร์ปันผล(KFLTFAST-D) มีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่ 2.90% และกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล 70/30 (KFLTFD70) มีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่ 2.84% ในขณะที่ดัชนีชี้วัดอยู่ที่ 2.96%”
“สำหรับกองทุนประเภทหุ้นขนาดกลาง-เล็ก (Equity Small Mid - Cap) กองทุนเปิดกรุงศรีไทยสมอล-มิดแคปอิควิตี้ (KFTHAISM) สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ของกลุ่มกองทุน โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่ 3.83% สูงกว่าดัชนีชี้วัดคือ 2.96% (ข้อมูล : Morningstar Thailand ณ 31 มี.ค. 60) อีกทั้งในปีที่ผ่านมากองทุน KFTHAISM มีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง ถือเป็นอีกหนึ่งกองทุนที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุนมากขึ้น โดยมียอดเงินลงทุนรวมเพิ่มขึ้นเท่าตัวนับจากวันจัดตั้งกองทุนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 กองทุนหุ้นและกองทุน LTF ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทจำนวน 12 กองทุนติดอันดับกลุ่มกองทุนที่มีผลการดำเนินงานที่ดีที่สุด (Top Quartile) ประกอบด้วยกองทุนหุ้น 7 กองทุน และกองทุน LTF 5 กองทุน” (ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต)
“จากผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นว่า บลจ.กรุงศรีมีกองทุนหุ้นที่หลากหลายนโยบายให้เลือกลงทุน และทีมผู้จัดการกองทุนมีความสามารถในการบริหารพอร์ตการลงทุนในหุ้นทุกประเภทได้เป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งมาจากประสบการณ์ในการบริหารกองทุนเหล่านี้มาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับหลักการในการคัดเลือกหุ้นที่มีมาตรฐาน ใช้กลยุทธ์การบริหารแบบ Bottom Up เน้นการบริหารแบบแอ็กทีฟเชิงวิเคราะห์เจาะลึกในด้านมูลค่าแท้จริงของหลักทรัพย์ และการให้น้ำหนักการลงทุนอย่างเหมาะสม ทำให้ผู้ลงทุนมีความมั่นใจในการลงทุนในกองทุนหุ้นของเราหลากหลายกองทุนมากขึ้น จากเดิมที่จะนิยมกองทุนที่เน้นลงทุนหุ้นปันผล คือ กองทุน KFSDIV ตอนนี้กองทุนที่ลงทุนหุ้นหลายประเภท ที่เรียกว่า Blend Model อย่าง KFDYNAMIC หรือ KFLTFAST-D ก็ได้รับความสนใจมากขึ้นจากผลงานที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของการบริหารกองทุนไม่ได้อยู่ที่การสร้างผลตอบแทนสูงที่สุดเพียงช่วงสั้นๆ แต่เป็นการรักษามาตรฐานในการสร้างผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอระยะยาวภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสม” น.ส.ศิริพรกล่าว