ผู้จัดการรายวัน 360 - บลจ.กสิกรไทยเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ซีเล็คทีฟ อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ตส์ หุ้นทุน (K-SEMQ) สำหรับกลุ่มลูกค้าไพรเวตแบงก์ ชูนโยบายลงทุนในหุ้นกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงกว่าหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว มองว่าน่าจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ค่อนข้างจำกัดเนื่องจากตลาดได้รับรู้ทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ
นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการและประธานบริหารการลงทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 14-20 มีนาคม 2560 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ซีเล็คทีฟ อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ตส์ หุ้นทุน (K-SEMQ) โดยมีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก Templeton Emerging Markets Fund, Class I (acc) USD ซึ่งจะเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ รวมถึงอาจลงทุนในหุ้นในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกที่มีรายได้ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ ทั้งนี้ กองทุนหลักได้รับการบริหารจัดการโดย Franklin Templeton Investments บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำระดับโลก นำทีมบริหารโดย มาร์ค โมเบียส ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนแบบหุ้นคุณค่า ซึ่งมีประสบการณ์ลงทุนในหุ้นตลาดเกิดใหม่ยาวนานกว่า 40 ปี
ด้านมุมมองการลงทุนในปี 2560 นี้ บลจ.กสิกรไทยมองว่าหุ้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่จะกลับมามีความน่าสนใจอีกครั้ง โดยปัจจัยหนุนมาจากแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่มีโอกาสเติบโตสูงกว่าประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยมุมมองในอีก 5 ปีข้างหน้า ส่วน IMF คาดการณ์ว่าในปี 2560 นี้เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่จะเติบโตอยู่ที่ 4.0% ซึ่งสัดส่วนหลักจะมาจากการเติบโตในภูมิภาคเอเชีย ขณะที่เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วจะเติบโตเพียง 1.9% ประกอบกับความน่าสนใจของตลาดเกิดใหม่ยังมาจากประชากรที่มีจำนวนมาก โดยเฉพาะวัยทำงานและประชากรเมืองที่มีอัตราเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งคนกลุ่มนี้จะมีการบริโภคสูงและมีการเข้าถึงเทคโนโลยีมากขึ้น รวมถึงอุตสาหกรรมด้านไอทีที่มีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้น เหล่านี้เป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ นอกจากนี้ ราคาหุ้นในตลาดเกิดใหม่ ปัจจุบันยังซื้อขายอยู่ในระดับราคาที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว” นายนาวินกล่าว
นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับความกังวลของนักลงทุนต่อทิศทางเงินลงทุนที่อาจไหลกลับเข้าสู่สหรัฐฯ ภายหลังผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่จะมีการพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงวันที่ 14-15 มี.ค.นี้ ซึ่งหาก FED มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยจริงมองว่าน่าจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ค่อนข้างจำกัดเนื่องจากตลาดได้รับรู้ทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ ไปมากแล้ว และคาดว่าตลาดจะมีความผันผวนเพียงในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้สูงและสามารถลงทุนได้ในระยะยาว มองว่าจะเป็นโอกาสดีในการเข้าลงทุนเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีจากการเติบโตของหุ้นในตลาดเกิดใหม่ได้