ผู้จัดการรายวัน 360 - บลจ.กรุงไทย จำกัด เผยบริษัทอยู่ระหว่างเปิดขายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ (KTFF133) ถึงวันที่ 7 มีนาคม 2560 อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 10,000 ล้านบาท เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ขอแนะนำกองทุนเปิดกรุงไทย หุ้น Mid & Small Cap จะไม่ได้รับผลกระทบจากกระแสเม็ดเงินไหลเข้า-ออกของนักลงทุนต่างชาติที่จะมีความผันผวนค่อนข้างสูงตลอดทั้งปี
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 133 (KTFF133) ถึงวันที่ 7 มีนาคม 2560 อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 10,000 ล้านบาท เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ Bank of China, Macau Branch อัตราผลตอบแทน 1.84% ต่อปี, China Construction Bank (Asia) Corporation Limited อัตราผลตอบแทน 1.83% ต่อปี, Agricultural Bank of China (Hong Kong Branch) อัตราผลตอบแทน 1.84% ต่อปี, AI Khalij Commercial Bank อัตราผลตอบแทน 1.78% ต่อปี, Union National Bank PJSC อัตราผลตอบแทน 1.70% ต่อปี และ Qatar Nation Bank อัตราผลตอบแทน 1.68% ต่อปี โดยกองทุนจะลงทุนในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 18% ยกเว้นเงินฝากประจำ Qatar Nation Bank ลงทุน 10% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน กองทุนมีค่าใช้จ่ายประมาณ 0.29% ต่อปี ดังนั้น ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนประมาณ 1.50% ต่อปี ซึ่งกองทุนมีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
แนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกามีการปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุ หลังจากเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในเวลาอันรวดเร็วดังที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้ โดยเฟดจะยังคงติดตามการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ และมองว่ายังไม่มีความแน่นอนด้านผลกระทบจากนโยบายการคลังของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในขณะที่กระทรวงการคลังก็มองว่ายังไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่เกิดขึ้นในปีนี้ โดยอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปีอยู่ที่ 1.12% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปีอยู่ที่ 1.80% ต่อปี อายุคงเหลือ 10 ปีอยู่ที่ 2.31% ต่อปี
ส่วนนักลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงเพิ่มขึ้น และสามารถรับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ได้ ในปีนี้ขอแนะนำกองทุนเปิดกรุงไทย หุ้น Mid&Small Cap (KTMSEQ) เน้นการลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ทั้งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นกองทุนที่ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล จุดเด่นของ KTMSEQ ได้แก่ การใช้ Bottom up approach เป็นหลักในการคัดเลือกหุ้นและบริหารกองทุน ซึ่งน่าจะเหมาะสมกับภาวะการลงทุนในปัจจุบัน บริษัทให้ความสำคัญอย่างมากต่องานด้านวิเคราะห์ทั้งเศรษฐกิจมหภาค รายกลุ่มอุตสาหกรรม และการวิเคราะห์ที่ลงลึกถึงรายบริษัท และเป็นหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากกระแสเม็ดเงินไหลเข้า-ออกของนักลงทุนต่างชาติที่จะมีความผันผวนค่อนข้างสูงตลอดทั้งปี กองทุน KTMSEQ จึงน่าจะเป็นกองทุนหุ้นที่ตอบโจทย์นักลงทุนสำหรับภาวะการลงทุนในปีนี้ โดยผลตอบแทนย้อนหลัง ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2560 เทียบระหว่างกองทุนกับ SET ผลตอบแทน YTD( 2 ม.ค.-17 ก.พ. 60) อยู่ที่ 4.52% SET อยู่ที่ 2.37% 6 เดือนอยู่ที่ 15.55% SET อยู่ที่ 3.12% และ1 ปี อยู่ที่ 42.98% SET อยู่ที่ 22.52%