ผู้จัดการรายวัน 360 - เมืองไทยประกันชีวิตเผยบริษัทดำเนินธุรกิจต่อเนื่อง นำเสนอผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ความหลากหลายของลูกค้า โดยล่าสุดบริษัทเข้าร่วมงานมหกรรมการเงิน พัทยา ครั้งที่ 7 Money Expo Pattaya 2017 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-19 ก.พ.นี้
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายใต้นโยบายยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) ซึ่งบริษัทฯ ใช้เป็นกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตให้ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้านั้น ล่าสุดบริษัทฯ จะเข้าร่วมงานมหกรรมการเงิน พัทยา ครั้งที่ 7 Money Expo Pattaya 2017 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-19 กุมภาพันธ์ 2560 ณ ศูนย์ประชุมพีช รอยัล คลิฟ โฮเต็ล กรุ๊ป
สำหรับการร่วมมหกรรมการเงินในครั้งนี้ บริษัทฯ ได้คัดสรรผลิตภัณฑ์ พร้อมด้วยกิจกรรมต่างๆ มากมายที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้ามานำเสนอให้เหมาะสม โดยมีผลิตภัณฑ์ไฮไลต์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่สร้างหลักประกันให้แก่ครอบครัวและคุ้มครองโรคร้ายแรง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างหลักประกันเงินล้านให้ตัวเองและครอบครัว ประกอบไปด้วย
โครงการเมืองไทย คุ้มครองพิเศษ ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 3 แพกเกจ โดยสามารถเลือกได้ตามระยะเวลาความคุ้มครอง ความสามารถในการชำระเบี้ย ได้แก่
- โครงการเมืองไทยคุ้มครองพิเศษ 1 จ่ายเบี้ยจำนวนไม่มากเป็นระยะเวลา 20 ปี
- โครงการเมืองไทยคุ้มครองพิเศษ 2 จ่ายเบี้ยสบายๆ เพียง 10 ปี และ
- โครงการเมืองไทยคุ้มครองพิเศษ 3 จ่ายเบี้ยเพียง 7 ปี และมีเงินจ่ายคืนระหว่างสัญญา
ซึ่งทั้ง 3 แพกเกจนี้หากเกิดเป็นโรคร้ายแรงอย่างไม่คาดคิดก็จะมีความคุ้มครองจากสัญญาเพิ่มเติมซีไอ เพอร์เฟค แคร์ ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมโรคร้ายแรงตั้งแต่ระยะเริ่มต้นสูงสุดถึง 36 โรคร้ายแรง และหนึ่งในนั้นมีโรคมะเร็งที่คนไทยเป็นกันจำนวนมากรวมอยู่ด้วย โดยหากตรวจพบว่าเป็นโรคร้ายแรงก็จะได้รับผลประโยชน์ ซึ่งสอดคล้องกับวิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่ที่สามารถตรวจเจอโรคร้ายแรงได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นทำให้รักษาได้ทันท่วงทีและโอกาสหายจากโรคร้ายแรงก็มีมากขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ ยังมอบผลประโยชน์เพิ่มเติมหากเจ็บป่วยด้วยโรคแทรกซ้อนของเบาหวานและการผ่าตัดขยายหลอดเลือดแดงหัวใจ และหากตกเป็นบุคคลทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวรก็ยังมีความคุ้มครองให้ รวมถึงไม่ต้องรับภาระชำระเบี้ยประกันภัยอีกด้วย
ผลิตภัณฑ์เพื่อการออม มีให้เลือกตามความต้องการและความสามารถในการชำระเบี้ยประกันภัย สำหรับลูกค้าที่ต้องการจ่ายเบี้ยครั้งเดียวหรือเบี้ยระยะสั้น ผลิตภัณฑ์ที่นำมาเสนอ ได้แก่ เมืองไทยสมาร์ท เซฟเวอร์ 3 (5/1) จ่ายเบี้ยเพียงครั้งเดียว มีเงินจ่ายคืนทุกปี โดยมีอัตราเบี้ยประกันที่เท่ากันทุกเพศทุกวัย และเมืองไทยได้ใจ 3/2 จ่ายเบี้ยเพียง 2 ปี ครบ 3 ปีก็ได้รับเงินครบสัญญา โดยทั้ง 2 แบบนี้ไม่ต้องตรวจสุขภาพ (1) และทำได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน ถึง 70 ปี เหมือนกัน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการภาระผูกพันนาน และมีความสามารถในการชำระเบี้ยสูง
สำหรับผู้ที่ต้องการจ่ายเบี้ยระยะเวลาปานกลาง นำเสนอผลิตภัณฑ์ เมืองไทยกู๊ด ช้อยส์ 10/6 เหมาะสำหรับคนที่ชอบความคุ้มค่า จ่ายเบี้ย 6 ปี และมีเงินจ่ายคืนระหว่างสัญญาทุกปี ในขณะที่ความคุ้มครองชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สมัครได้ไม่ต้องตรวจสุขภาพ(1) และโครงการเมืองไทย ซุปเปอร์ เซฟวิ่ง 14/7 ที่จ่ายเบี้ย 7 ปี มีเงินจ่ายคืนระหว่างสัญญาทุกปี
และหากเกิดโชคร้ายต้องตกเป็นบุคคลทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร บริษัทฯ ก็จะแบ่งเบาภาระโดยเป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัยให้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนดีและสามารถนำเบี้ยประกันที่ชำระไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ด้วย
ส่วนผู้ที่ต้องการจ่ายเบี้ยยาว ผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรมาตอบโจทย์ ได้แก่ โครงการเมืองไทย ซุปเปอร์ เซฟเวอร์ 25/16 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจ่ายเบี้ยสบายๆ ยาวถึง 16 ปี และมีเงินจ่ายคืนทุกปี และสามารถนำเบี้ยประกันภัยที่ชำระไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ แต่หากตกเป็นบุคคลทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวรระหว่างนี้ก็ได้รับสิทธิ์ยกเว้นชำระเบี้ยประกันภัย (2)
นายสาระกล่าวอีกว่า ภายในงานบริษัทฯ ยังได้จัดเตรียมกิจกรรมแห่งความสุขและรอยยิ้มของ “เมืองไทย Smile Club” ไว้ต้อนรับสมาชิกเมืองไทย Smile Club เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความสนใจของสมาชิกฯ โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลหรือคะแนนสะสม Smile Point และนำคะแนนสะสม Smile Point แลกรับของที่ระลึกมากมาย นอกจากนี้ ลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิตสามารถกรอกใบสมัครสมาชิกเมืองไทย Smile Club หรืออัปเดตข้อมูลส่วนตัวเพื่อร่วมกิจกรรมและแลกรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ พร้อมด้วยกิจกรรมให้ความรู้ทางด้านการเงินแก่ผู้ร่วมงานอีกด้วย