xs
xsm
sm
md
lg

ลดเบี้ย-รับภาระรูดปรื๊ด โตเกียวมารีนเจาะลูกค้าวัยทำงาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


โตเกียวมารีนประกันชีวิตตั้งเป้าเบี้ยรับรวมปีนี้แตะ 6,400 ล้านบาท พร้อมดันไทยเป็นผู้นำตลาดประกันชีวิตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของกลุ่ม มั่นใจตลาดไม่อิ่มตัวและมีโอกาสโตสูง จ่อขยายฐานลูกค้าเพิ่ม รุกคนทำงานระดับกลางวางแผนรับเกษียณอายุ งัดไม้เด็ดรับภาระค่ารูดปรื๊ดแทนลูกค้า แถมปรับลดเบี้ยรายเดือนช่วยลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น

นายริวสุเกะ ฟูตามูระ กรรมการผู้จัดการ บมจ.โตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของเบี้ยรับรวมเพิ่มขึ้น 15% อยู่ที่ 6,400 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยปีแรก 1,800 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อ 4,600 ล้านบาท โดยจะพยายามผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้นำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของกลุ่มโตเกียวมารีนประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันตลาดไทยถือว่าอยู่ในอันดับ 3 รองจากสิงค์โปร์ และมาเลเซีย

“ตลาดไทยยังมีโอกาสในการเติบโตได้สูง โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานที่ยังมีกำลังซื้อและขาดการวางแผนทางการเงิน ซึ่งถึงแม้ไทยจะเป็นอันดับที่ 3 ของเราในตอนนี้ แต่ในแง่ของอัตราการเติบโตนั้นไทยมีการขยายตัวมากกว่าทั้งสิงค์โปร์และมาเลเซีย เพราะไทยเป็นตลาดที่ยังไม่อิ่มตัว” นายริวสุเกะกล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 5,442 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 25% แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 1,569 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 40% โดยสัดส่วนการขาย 71% มาจากช่องทางการขายผ่านตัวแทน ช่องทางประกันกลุ่ม 18% และช่องทางเทเลมาร์เกตติ้ง และอื่นๆ 11% สำหรับช่องทางการขายผ่านตัวแทนซึ่งเป็นช่องทางหลัก สามารถสร้างอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับปีแรกได้สูงถึง 47% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ด้านนายสมโพชน์ เกียรติไกรวัล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ช่องทางตัวแทนของบริษัทในปีนี้ได้มีการตั้งเป้าหมายการเติบโตของเบี้ยประกันภัย 15% โดยแบ่งเป็น ประกันภัยรับปีแรก 1,300 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อ 3,100 ล้านบาท รวมเบี้ยประกันภัยรับสำหรับช่องทางตัวแทน 4,400 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทยังคงเน้นสินค้าประเภทบำนาญเป็นหลัก เพราะต้องการให้คนไทยหันมาเข้าใจการวางแผนเพื่อรองรับการเกษียณอายุหรือสังคมสูงวัยในปัจจุบัน แต่จะเพิ่มการเติบโตโดยการขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มคนระดับกลางและวัยทำงานมากขึ้น เนื่องจากมองว่ากลุ่มคนเหล่านี้ยังมีกำลังซื้อและยังต้องการการวางแผนอนาคตอยู่

โดยบริษัทได้เตรียมแบบประกันบำนาญที่มีอยู่แล้วเอาไว้รองรับ แต่จะเพิ่มความสะดวกในการชำระเงินให้แก่ลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้นด้วยการปรับอัตราการชำระเบี้ยแบบรายเดือน รวมถึงการรับภาระค่าใช้จ่ายในการชำระบัตรเครดิตแทนลูกค้า ซึ่งจะเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้กลุ่มคนวัยทำงานสามารถตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม

“เราปรับอัตราเบี้ยที่ต้องชำระรายเดือนให้ใกล้เคียงกับรายปีด้วยการลดการปรับตัวคูณ ซึ่งจะทำให้เบี้ยลดลงมาจากตัวคูณเดิมเกือบครึ่ง และเรายังจะรับภาระค่าใช้จ่ายในการรูดบัตรให้อีก โดยเชื่อว่ารูปแบบนี้จะทำให้เขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม และคนกลุ่มนี้มีระยะเวลาออมนานจะทำให้เบี้ยที่ต้องส่งไม่สูงมากจนเกินไปด้วย” นายสมโพชน์กล่าว

นายสมโพชน์กล่าวอีกว่า ในปีนี้นอกจากผลการดำเนินงานของบริษัทที่มีการเติบโตในระดับสูงแล้ว ปีนี้ยังถือเป็นปีแรกที่บริษัทมีกำไรสะสมจำนวน 227 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 14,699 ล้านบาท หลังจากทำการขยายธุรกิจในช่องทางตัวแทนตั้งแต่ปี 2553 โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรมาโดยตลอดแต่ยังทำบัญชีเพื่อลดขาดทุนสะสม ซึ่งในปีนี้ถือเป็นปีแรกที่บริษัทมีกำไรถึงระดับที่จะต้องชำระภาษี
กำลังโหลดความคิดเห็น