ไทยสมุทรเผย ล่าสุดบริษัทได้รีแบรนด์ใหม่ภายใต้สโลแกน “รักคือพลังชีวิต” ซึ่งการรีแบรนด์ครั้งนี้จะทำให้บริษัทผสานการทำงานทุกส่วนได้ดีขึ้น ด้านเป้าหมายปี 60 บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยใหม่ที่ 2,700 ล้านบาท เติบโต 10% จากปี 59 ที่มีเบี้ยรับรวม 12,708 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงาน 1,403 ล้านบาท
นางนุสรา อัสสกุล บัญญัติปิยพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยใหม่ที่ 2,700 ล้านบาท เติบโต 10% จากปี 59 ที่มีเบี้ยรับรวม 12,708 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงาน 1,403 ล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์สนับสนุนเป้าหมายในปีนี้ ล่าสุดบริษัทได้รีแบรนด์ใหม่ในคอนเซ็ปต์ “รักคือพลังของชีวิต” ซึ่งการรีแบรนด์ครั้งนี้จะทำให้บริษัทผสานการทำงานทุกส่วนได้ดีขึ้น โดยเฉพาะตัวแทนก็ต้องมีใจรักที่จะนำเสนอสินค้าตามความต้องการลูกค้าทุกกลุ่มทุกวัย
โดยมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าที่มีรายได้ประจำในหัวเมืองใหญ่ ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดมากขึ้น ควบคู่กับรักษาฐานลูกค้าในกลุ่มฐานราก ผ่านการขายแบบประกันตามความต้องการของลูกค้า ทั้งเแบบประกันความคุ้มครอง และสะสมทรัพย์ เป็นหลัก
พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้พัฒนาระบบดิจิตอลมาใช้งานให้ลูกค้ามีความสะดวกขึ้นในอนาคต โดยทุกอย่างจะขึ้นไปอยู่บนมือถือ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาบริการ อี-เช็ค หรือบริการให้ลูกค้าที่มีการเคลม (เรียกร้องค่าสินไหมทดแทน) ซึ่งบริษัทได้จับมือกับธนาคารกรุงเทพ ในการพัฒนาและเพิ่มช่องทางการรับเงิดสดตามเงื่อนไขให้กับลูกค้า วงเงินไม่เกิน 200,000 บาทผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงเทพทุกสาขาทั่วประเทศ ทั้งในรูปแบบเงินสดหรือเงินโอนเข้าบัญชีได้ทุกธนาคาร โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม หรือ BBL E-Cheque
นอกจากนี้ ทางด้านผลิตภัณฑ์ จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดยจะมีผลิตภัณฑ์ยูนิตลิงก์ และผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการแบบประกันที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน สะดวกและง่ายที่จะเลือกซื้อ ขณะที่ช่องทางจำหน่าย มุ่งเน้นสร้างฐานลูกค้าใหม่จากช่องทางขายอื่นนอกจากช่องทางตัวแทน พร้อมรักษาฐานลูกค้าเดิมในทุกพื้นที่ รวมทั้งจะสร้างตัวแทนใหม่เพิ่มขึ้นจำนวน 5,000 คน หรือเพิ่มขึ้น 40% จากปีก่อน
ด้านนางสาวสุวรรณ อุดมเฉลิมเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานลงทุน บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตลงทุนทั้งหมด 90,000 ล้านบาท และยังคงสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตร 40%, หุ้นกู้กว่า 30%, หุ้น 2-3% และอื่นๆ เช่น การให้สินเชื่อ และเงินฝาก อย่างไรก็ดี ในปีนี้จะรักษาผลตอบแทนจากการลงทุนในระดับใกล้เคียงหรือไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา มีผลตอบแทนอยู่ที่ 5.85% ภายใต้สถานการณ์ในปีนี้ตามที่หลายฝ่ายคาดไว้ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในช่วงขาขึ้น
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทในปีนี้ รอดูจังหวะและเวลาที่เหมาะสมในการปรับพอร์ตการลงทุนบ้าง หากทิศทางดอกเบี้ยเริ่มปรับตัวขึ้นชัดเจนอาจมีการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตร เช่นเดียวกับการลงทุนในหุ้นอาจขยับเพิ่มสัดส่วนบ้างหากตลาดหุ้นมีทิศทางดีขึ้น จากปัจจุบันตลาดหุ้นไทยยังผันผวน
“ปกติแล้วบริษัทประกันจะให้น้ำหนักการลงทุนพันธบัตรเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าให้ลงพันธบัตรทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ ดูได้จากปีที่ผ่านมาดอกเบี้ยต่ำมากทำให้เราลงทุนในพันธบัตรไว้ที่ 40% และตอนนี้ยังคงไว้เท่าเดิม แต่รอจังหวะที่เหมาะสมอาจจะปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนดังกล่าวบ้าง”