xs
xsm
sm
md
lg

ปี 59 กองทุนรวมโต 5 แสนล้าน นายก บลจ.เล็งตั้ง “กองต้านโกง”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กองทุนรวมปี 59 โตกว่า 5 แสนล้านบาทดันยอดสินทรัพย์สุทธิแตะ 4.46 ล้านล้านบาท นายก บลจ.แนะให้ความรู้นักลงทุนเพิ่มการออม จัดพอร์ต และลงทุนระยะยาว ระบุคนไทยต้องการที่ปรึกษาทางการเงินและวางแผนการลงทุนเพิ่ม พร้อมเล็งตั้งกองทุนต้านโกง อาจใช้โมเดลเดียวกับกอง BKIND หลังประสบความสำเร็จต่างชาติให้ความสนใจอื้อ

รายงานจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุนเปิดเผยว่า ปัจจุบัน ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2559 ปัจจุบันอุตสาหกรรมกองทุนรวมมีจำนวนบัญชีของนักลงทุนอยู่ที่ 4.941 ล้านบัญชี และมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 3.024 ล้านราย ขณะที่กองทุนส่วนบุคคลอยู่ที่ 3.2 พันบัญชี เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่มีบัญชีกองทุนรวมอยู่ที่ 4.833 ล้านบัญชี กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 2.974 ล้านราย โดยมีทรัพย์สินสุทธิทั้งระบบอยู่ที่ 4.46 ล้านล้านบาท หรือเติบโตขึ้นประมาณ 14%

สำหรับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่มีทรัพย์สินของกองทุนรวมภายใต้การบริหารสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย 1. บลจ.กสิกรไทย มีทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 9.86 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ซึ่งอยู่ที่ 9.21 แสนล้านบาท และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 21.77% 2. บลจ.ไทยพาณิชย์ มีทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 8.60 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 อยู่ที่ 7.98 แสนล้านบาท และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 19%

3. บลจ.บัวหลวง มีทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 6.14 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 อยู่ที่ 5.21 แสนล้านบาท และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 13.56% 4.บลจ.กรุงไทย มีทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 5.79 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 อยู่ที่ 4.71 แสนล้านบาท และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 12.80% และอันดับที่ 5 บลจ.ทหารไทย มีทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 3.05 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 อยู่ที่ 2.16 แสนล้านบาท และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 6.76%

นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนบัวหลวง ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวว่า การเติบโตของกองทุนรวมเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยต่อจากนี้ บลจ.มีหน้าที่ด้วยกัน 3 ด้าน คือ 1. ทำให้คนรู้จักการเก็บออมมากขึ้น 2. ต้องทำให้คนไทยเข้าใจเรื่องการลงทุนระยะยาว และสุดท้ายคือการจัดสรรเงินลงทุนให้เหมาะสมตามความต้องการของแต่ละบุคคล

ยกตัวอย่างเช่น กองทุนผสมบีซีเนียร์สำหรับวัยเกษียณ (B-SENIOR) ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนวัยเกษียณที่สามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางค่อนข้างต่ำ โดยมีนโยบายการลงทุนตราสารหนี้ในอัตราส่วน 70% และหุ้นไทยอีกประมาณ 30% ขณะนี้ถือว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมากและมีเม็ดเงินลงทุนเกินกว่าที่ตั้งไว้แล้วกว่าพันล้านบาทเลยทีเดียว

“ในส่วนของบัวหลวงไม่ค่อยใส่ใจเรื่องสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหารเท่าไร แต่เราหันมาให้ความสนใจกับเรื่องการจัดพอร์ตอย่างเหมาะสมให้แก่นักลงทุนมากกว่า ซึ่งเราต้องเป็นที่ปรึกษาในด้านนี้ให้แก่ลูกค้า ซึ่งถ้าดูจากผลงานของบีซีเนียร์ในด้านเม็ดเงินลงทุนและผลการดำเนินงานแล้วจะรู้เลยว่าทำมาเพื่อให้นักลงทุนเกษียณอายุโดยเฉพาะ และเมื่อเราประสบความสำเร็จจากตรงนี้แล้วต่อไปก็อาจมี “บีจูเนียร์” เพื่อเป็นทางเลือกให้นักลงทุนในวัยอื่นด้วยก็ได้” นางวรวรรณกล่าว

กองทุนต้านโกง
นางวรวรรณ กล่าวอีกว่า นอกจากเรื่องของการลงทุนแล้วส่วนตัวยังมีความคิดที่จะจัดตั้งกองทุนที่ลงทุนเพื่อต่อต้านการคอร์รัปชัน โดยโครงสร้างเบื้องต้นน่าจะเหมือนกับกองทุนBKINDที่เน้นลงทุนบริษัทที่มีธรรมาภิบาลดี และนำเงินค่าธรรมเนียมบริหารจัดการประมาณ 40% มาจัดสรรตามวัตถุประสงค์ที่กองทุนจัดตั้งขึ้น

“ความคิดส่วนตัวตอนนี้อยากทำกองทุนลักษณะนี้และเท่าที่คุยกับคนรู้จักจากหลายภาคส่วนก็เห็นด้วยกับแนวคิด แต่ยังต้องคุยรายละเอียดกันก่อนว่าโครงสร้างจะเป็นอย่างไร การจัดสรรหรือบริหารเงินค่าธรรมเนียมจะนำไปทำอะไรบ้างคงต้องดูรายละเอียดกันอีก แต่เชื่อว่าจะเป็นกองทุนที่ดี และต่างชาติก็ให้ความสนใจอย่างBKIND ก็มีต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนกันเยอะทีเดียว”นางวรวรรณกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น