นางสาววิภารัตน์ เสร็จกิจ Deputy Managing Director กลุ่มงาน Product Management บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (กองทุนบัวหลวง) เปิดเผยว่า กองทุน BBASICDLTF ได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.ให้เพิ่มเงินทุนอีก 10,000 ล้านบาท รวมเป็น 15,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว ภายหลังจากช่วงปลายปีที่ผ่านมากองทุนได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนจำนวนมาก ทำให้ขนาดกองทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) เมื่อปลายเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา โดยสามารถระดมทุนในช่วง IPO ได้ถึง 2,288 ล้านบาท ทั้งที่เป็นกองทุน LTF ที่มีข้อจำกัดเรื่องมูลค่าการลงทุนรายบุคคล และมีเงินลงทุนเข้ามาต่อเนื่องจนถึง 5,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือนเศษ
กองทุน BBASICDLTF จะให้ความสำคัญต่อหุ้นของกิจการที่ได้ประโยชน์จากสภาพของสังคมและพฤติกรรมของบุคคลที่เปลี่ยนไป ที่มุ่งให้ความสำคัญในเรื่อง “กินดี อยู่ดี ดูดี สุขภาพดี” จัดเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามเงื่อนไขการลงทุนของ LTF
กองทุน BBASICDLTF จะเน้นลงทุนในกลุ่มบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 ได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค ซึ่งเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี (Value Stock) มีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจสูง (Growth Potential) ทั้งนี้ จะเน้นลงทุนใน 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และ 2 หมวดในกลุ่มธุรกิจบริการ ได้แก่ พาณิชย์ และการแพทย์ โดยจะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหลักทรัพย์ดังกล่าวข้างต้น โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และในสัดส่วนดังกล่าวจะเป็นหุ้นสามัญจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ/หรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศจะไม่เกินร้อยละ 25 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งจะพิจารณาลงทุนตามโอกาสในช่วงเวลานั้นๆ โดยจะบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน
ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนปีละ 2 ครั้ง หรือตามที่บริษัทจัดการเห็นสมควรเมื่อกองทุนมีกำไรสะสม และจะต้องไม่ทำให้กองทุนมีผลขาดทุนสะสมในรอบระยะเวลาบัญชีที่มีการจ่ายเงินปันผลนั้น โดยจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลตามหลักเกณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ (1) จ่ายจากเงินปันผลหรือดอกเบี้ยรับที่ได้รับจากทรัพย์สินของกองทุนรวม (2) จ่ายได้ไม่เกินร้อยละ 30 ของกำไรสะสมดังกล่าว หรือกำไรสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผลนั้น แล้วแต่จำนวนใดจะต่ำกว่า