บลจ.ทิสดก้ เผย ผลประกอบการปี 2559 เผยว่า กลุ่มทิสโก้ประกาศผลประกอบการสิ้นปี 2559 มีกำไรสุทธิ 5,005.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สำหรับกลยุทธืปี60ทิสโก้ยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่ม
นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ เปิดเผยว่า สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปี 2560 กลุ่มทิสโก้ยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มลูกค้ารายย่อย ลูกค้าธนบดีธนกิจ และลูกค้าบรรษัท ด้วยการนำเสนอบริการด้านการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายและสร้างมูลค่าให้กับลูกค้า มุ่งขยายธุรกิจสินเชื่อครอบคลุมทั่วประเทศผ่านการขยายสาขาธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถภายใต้แบรนด์ “สมหวัง เงินสั่งได้ และรักษาการเป็นจุดยืน “Top Advisory House” ในด้านธุรกิจธนบดีธนกิจและจัดการกองทุน (Wealth Management) พร้อมเสาะหาพันธมิตรทางธุรกิจและร่วมมือระหว่างสายธุรกิจเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้า นอกจากนี้ยังมุ่งสู่การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการทางการเงินแก่ลูกค้าในยุคดิจิทัล ภายใต้การบริหารความเสี่ยงและการกับดูแลกิจการที่ดี
“ผลประกอบการในปี 2559 ของทิสโก้ปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน อันเนื่องมาจากการบริหารจัดการที่ดีทำให้ทิสโก้สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาด
นอกจากนี้ ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทิสโก้ยังประสบความสำเร็จในการบรรลุข้อตกลงในการถ่ายโอนธุรกิจลูกค้ารายย่อย (Retail Banking) จากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์ตเตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านธุรกิจลูกค้ารายย่อย โดยการควบรวมดังกล่าวจะช่วยเพิ่มขนาดฐานลูกค้าในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อรายย่อย เพิ่มผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจรและช่องทางการให้บริการที่ครอบคลุมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งการถ่ายโอนดังกล่าวคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปีนี้” นายสุทัศน์กล่าว
สรุปผลประกอบการปี 2559
ผลการดำเนินงานของกลุ่มทิสโก้ในปี 2559 มีกำไรสุทธิจำนวน 5,005.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.8 เมื่อเทียบกับปี 2558 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลัก ประกอบกับค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่ลดลงจากปีก่อนหน้า รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 จากความสามารถในการรักษาอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อรวม และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลักปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 จากการเติบโตของรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ตามปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์เติบโตตามการขยายตัวของธุรกิจนายหน้าประกันภัย อีกทั้ง กลุ่มทิสโก้รับรู้รายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจ จากการเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ การตั้งสำรองหนี้สูญในปีนี้ลดลงร้อยละ 24.7 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น
เงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 มีจำนวน 224,934.00 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.6 จากสิ้นปีก่อนหน้า โดยได้รับผลกระทบจากการอ่อนตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ในภาวะการบริโภคภาคครัวเรือนที่ซบเซาและยอดขายรถยนต์ภายในประเทศที่ยังชะลอตัว อย่างไรก็ดี สินเชื่ออเนกประสงค์สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งที่ร้อยละ 13.9 ตามแผนการขยายธุรกิจของกลุ่มทิสโก้ ในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อธุรกิจ ตามนโยบายการควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดลงร้อยละ 25.9 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2559 ลดลงจากร้อยละ 3.23 ในปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ร้อยละ 2.54 ในขณะเดียวกัน สัดส่วนเงินสำรองหนี้สูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณร้อยละ 140
กลุ่มทิสโก้ยังคงสามารถควบคุมต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังคงอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้รวมอยู่ในระดับต่ำ ที่ร้อยละ 39.0 นอกจากนี้ ธนาคารทิสโก้ยังคงรักษาระดับฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งมาโดยตลอดทั้งปี โดยมีประมาณการอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์ (BIS Ratio) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 19.8 สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำร้อยละ 9.125 ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ร้อยละ 14.9 และร้อยละ 4.9 ตามลำดับ
นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ เปิดเผยว่า สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปี 2560 กลุ่มทิสโก้ยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มลูกค้ารายย่อย ลูกค้าธนบดีธนกิจ และลูกค้าบรรษัท ด้วยการนำเสนอบริการด้านการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายและสร้างมูลค่าให้กับลูกค้า มุ่งขยายธุรกิจสินเชื่อครอบคลุมทั่วประเทศผ่านการขยายสาขาธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถภายใต้แบรนด์ “สมหวัง เงินสั่งได้ และรักษาการเป็นจุดยืน “Top Advisory House” ในด้านธุรกิจธนบดีธนกิจและจัดการกองทุน (Wealth Management) พร้อมเสาะหาพันธมิตรทางธุรกิจและร่วมมือระหว่างสายธุรกิจเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้า นอกจากนี้ยังมุ่งสู่การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการทางการเงินแก่ลูกค้าในยุคดิจิทัล ภายใต้การบริหารความเสี่ยงและการกับดูแลกิจการที่ดี
“ผลประกอบการในปี 2559 ของทิสโก้ปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน อันเนื่องมาจากการบริหารจัดการที่ดีทำให้ทิสโก้สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาด
นอกจากนี้ ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทิสโก้ยังประสบความสำเร็จในการบรรลุข้อตกลงในการถ่ายโอนธุรกิจลูกค้ารายย่อย (Retail Banking) จากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์ตเตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านธุรกิจลูกค้ารายย่อย โดยการควบรวมดังกล่าวจะช่วยเพิ่มขนาดฐานลูกค้าในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อรายย่อย เพิ่มผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจรและช่องทางการให้บริการที่ครอบคลุมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งการถ่ายโอนดังกล่าวคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปีนี้” นายสุทัศน์กล่าว
สรุปผลประกอบการปี 2559
ผลการดำเนินงานของกลุ่มทิสโก้ในปี 2559 มีกำไรสุทธิจำนวน 5,005.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.8 เมื่อเทียบกับปี 2558 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลัก ประกอบกับค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่ลดลงจากปีก่อนหน้า รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 จากความสามารถในการรักษาอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อรวม และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลักปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 จากการเติบโตของรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ตามปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์เติบโตตามการขยายตัวของธุรกิจนายหน้าประกันภัย อีกทั้ง กลุ่มทิสโก้รับรู้รายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจ จากการเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ การตั้งสำรองหนี้สูญในปีนี้ลดลงร้อยละ 24.7 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น
เงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 มีจำนวน 224,934.00 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.6 จากสิ้นปีก่อนหน้า โดยได้รับผลกระทบจากการอ่อนตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ในภาวะการบริโภคภาคครัวเรือนที่ซบเซาและยอดขายรถยนต์ภายในประเทศที่ยังชะลอตัว อย่างไรก็ดี สินเชื่ออเนกประสงค์สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งที่ร้อยละ 13.9 ตามแผนการขยายธุรกิจของกลุ่มทิสโก้ ในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อธุรกิจ ตามนโยบายการควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดลงร้อยละ 25.9 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2559 ลดลงจากร้อยละ 3.23 ในปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ร้อยละ 2.54 ในขณะเดียวกัน สัดส่วนเงินสำรองหนี้สูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณร้อยละ 140
กลุ่มทิสโก้ยังคงสามารถควบคุมต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังคงอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้รวมอยู่ในระดับต่ำ ที่ร้อยละ 39.0 นอกจากนี้ ธนาคารทิสโก้ยังคงรักษาระดับฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งมาโดยตลอดทั้งปี โดยมีประมาณการอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์ (BIS Ratio) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 19.8 สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำร้อยละ 9.125 ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ร้อยละ 14.9 และร้อยละ 4.9 ตามลำดับ