ทิสโก้เชื่อมั่นหุ้นแดนมังกรยังไปต่อ แนะ Overweight หุ้นจีน “H-Shares” หลัง Valuation ปรับลงมากว่า 20% และกลับมาเทรดต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ขณะที่สัญญาณฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และความคืบหน้าการปฏิรูปชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ส่งให้จีนมีเสถียรภาพในระยะยาว แนะเป็นจังหวะเข้าลงทุน
นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดเผยว่า หลังจากที่ตลาดหุ้นจีนผันผวนและปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากการซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยและการใช้วงเงินกู้มาร์จิ้นในระดับสูง ซึ่งทำให้ตลาดผันผวน ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีน H-Shares ปรับตัวลงมากว่า 20% จากจุดสูงสุดในเดือน พ.ค.นั้น ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้มองว่าผลกระทบของความผันผวนของตลาดหุ้นจีนนั้นมีจำกัด อีกทั้งความผันผวนดังกล่าวไม่ได้เป็นผลมาจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ โดยเชื่อมั่นว่าจีนยังมีเครื่องมือกระตุ้นและปฏิรูปเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
จากมุมมองดังกล่าว ทิสโก้จึงยังคงคำแนะนำ Overweight ในตลาดหุ้นจีน H-shares เนื่องจากราคาหุ้นที่น่าสนใจ โดยปัจจุบันดัชนี HSCEI หรือ H-Shares กลับมาซื้อขายที่กรอบล่างของการซื้อขายในอดีตอีกครั้ง โดย Valuation ปรับตัวลงมากว่า 20% จากจุดสูงสุดในเดือน พ.ค. ทำให้ค่า P/E ปรับลดลงสู่ระดับ 7.5 เท่า และ P/B ที่ 1.0 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 8.3 เท่า และ 1.3 เท่าตามลำดับ จึงเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน
“เรามองว่าผลกระทบของความผันผวนของตลาดหุ้นจีนต่อภาคเศรษฐกิจจริงนั้นมีจำกัด โดยผลกระทบจะถูกส่งผ่านไปยังภาคเศรษฐกิจจริงได้โดยผ่าน 2 กลไก คือ 1. ความมั่งคั่งที่ลดลง (Wealth Effect) และ 2. ผลกระทบต่อต้นทุนการระดมทุนของกิจการ แต่ปัจจุบันมีจำนวนผู้มีบัญชีซื้อขายหุ้นในจีนเพียง 4% เมื่อเทียบกับประชากรทั้งหมด และสินทรัพย์ของครัวเรือนจีนส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัย มีเพียง 8% ที่เป็นการลงทุนในตลาดหุ้น อีกทั้งการระดมทุนผ่านตลาดหุ้นนับเป็นเพียง 4% ของการระดมทุนรวมของบริษัทจีน โดยแหล่งเงินทุนหลักยังเป็นการขอสินเชื่อจากธนาคาร ดังนั้นผลกระทบจากทั้ง Wealth Effect และการระดมทุนของจีนจึงมีจำกัด” นายคมศรกล่าว
นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นจีนผันผวนนั้นไม่ได้เป็นผลมาจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของจีน โดยเชื่อมั่นว่าจีนยังมีเครื่องมือทางนโยบายที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งหลังของปี ส่วนนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจ เช่น การจัดการหนี้ในภาคธนาคารเงา การเปิดเสรีทางการเงิน การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดสรรเงินทุนผ่านกลไกตลาด และการกระตุ้นการบริโภคของภาคครัวเรือน จะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยเพิ่มเสถียรภาพให้เศรษฐกิจจีนในระยะยาว
“เราเชื่อว่ามาตรการต่างๆ ของรัฐบาลจีนมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะพยุงตลาดหุ้นได้ โดยเฉพาะการเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ China Securities Finance หรือ CSF ซึ่งเปิดทางให้ธนาคารกลางสามารถอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดหุ้นได้โดยตรง ขณะที่เมื่อมองไปข้างหน้าถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความคืบหน้าของการปฏิรูปของจีน ก็มีแนวโน้มชัดเจนขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี โดยมาตรการผ่อนคลายสภาพคล่องและกระตุ้นเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาตั้งแต่ต้นปี จะช่วยให้เศรษฐกิจจีนผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 และฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี” นายคมศรกล่าว
ทั้งนี้ สำหรับนักลงทุนที่สนใจตลาดหุ้นจีน H-Shares ปัจจุบัน บลจ.ทิสโก้มีกองทุนเปิด “ทิสโก้ ไชน่า H-Shares อิควิตี้” ที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นจีน H-Shares เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี HSCEI โดยกองทุนดังกล่าวมีมูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท ไม่กำหนดอายุโครงการ สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ