บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล แนะให้ความสำคัญการออมเพื่อการเกษียณอายุ เน้นการจัดสัดส่วนการลงทุนให้หลากหลายเหมาะสมกับช่วงอายุ พร้อมเสนอการลงทุนแบบ Target Date ช่วยตอบโจทย์ทุกช่วงอายุการลงทุน
นาย Gregory J. Burrows, Senior Vice President, Retirement and Investor Services ของกลุ่ม Principal Financial Group ผู้เชี่ยวชาญด้านการให้บริการเพื่อการเกษียณอายุ กล่าวว่า การเกษียณอย่างมีคุณภาพนั้นจะต้องเกิดจากความร่วมมือของ 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ ภาครัฐซึ่งควรสนับสนุนการออมโดยอาจตรากฎหมายบังคับ ส่งเสริมการออมภาคสมัครใจหรือเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษี ด้านนายจ้างควรให้ความรู้ถึงความสำคัญด้านการออมเพื่อการเกษียณแก่ลูกจ้าง สนับสนุนให้มีการออมภาคสมัครใจ โดยนายจ้างออมไม่น้อยกว่าลูกจ้าง
ในขณะที่ลูกจ้างควรให้ความสำคัญเรื่องการออมเพื่อการเกษียณอายุ โดยไม่หวังพึ่งลูกหลาน ออมตั้งแต่ยังอายุน้อยและออมอย่างต่อเนื่อง และกลุ่มสุดท้ายคือ ผู้บริหารกองทุน ควรให้ความร่วมมือกับทุกฝ่ายในการสร้างความรู้และความเข้าใจถึงความสำคัญเรื่องการออมเพื่อการเกษียณอายุ และมีทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลายให้เหมาะต่อความต้องการของสมาชิก
อย่างไรก็ตาม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล กล่าวว่า สูตรสำเร็จการออมเพื่อการเกษียณอย่างมีคุณภาพโดยจัดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ (Asset Allocation) อย่างเหมาะสมกับอายุผู้ลงทุนตามแผนการลงทุนแบบ Target Date ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในต่างประเทศ โดยลูกจ้างเลือกแผนการลงทุนเพียงครั้งเดียว และผู้จัดการกองทุนจะเป็นผู้ปรับ Asset Allocation โดยลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนตามอายุที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อลดความซับซ้อนและความสับสนของลูกจ้างในการเลือกแผนการลงทุนที่เหมาะสม
ทั้งนี้ จากงานสัมมนา Retirement Plan Symposium ซึ่งจัดโดยซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ผู้ร่วมสัมมนาส่วนใหญ่ให้ความเห็นตรงกันว่า ประชาชนทุกคนควรให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นอันดับต้นๆ และเป็นภาระความรับผิดชอบของแต่ละบุคคล โดยไม่ควรหวังพึ่งภาครัฐหรือลูกหลานเป็นหลัก แนะนำให้เริ่มเตรียมตัวตั้งแต่อายุยังน้อยและให้ทำอย่างต่อเนื่อง โดยเลือกแผนการลงทุนในหุ้นบ้างเพื่อให้เงินเติบโตเพียงพอต่อการเกษียณอย่างมีคุณภาพ (ออมและลงทุนเพื่ออนาคตที่ไม่อนาถา)
ในขณะที่ภาครัฐควรให้การสนับสนุนให้ประชาชนมีความรู้และตระหนักถึงความสำคัญของการออมเพื่อการเกษียณอายุ (Financial Literacy) ตั้งแต่เยาว์วัย และประชาชนควรใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่รัฐให้มาอย่างเต็มที่ สำหรับผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญด้านการลงทุนอาจเลือกแผนการลงทุนที่ปรับเปลี่ยนสินทรัพย์การลงทุนอัตโนมัติให้เหมาะสมกับช่วงอายุที่เพิ่มขึ้น พยายามสอนเรื่องการลงทุนในหุ้นให้เป็นเรื่องง่ายโดยการให้ความรู้ตั้งแต่เด็ก
ในส่วนของกองทุนประกันสังคมก็เช่นเดียวกัน ควรจะต้องมีการพิจารณาปรับเพิ่มอัตราการนำส่งให้มากขึ้นและปรับแผนการลงทุนให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นเพื่อให้กองทุนสามารถมีเงินมากเพียงพอให้แก่สมาชิก ซึ่งการปรับเพิ่มนี้อาจจะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้เป็นภาระของทั้งนายจ้างและลูกจ้างมากเกินไป