“หุ้นเยอรมัน” ส่งสัญญาณฟื้นตัว

บลจ.ทิสโก้ชี้ยุโรปส่งสัญญาณฟื้นตัว แนะช้อน “หุ้นเยอรมัน” มั่นใจเศรษฐกิจเยอรมนีแกร่งสุดในยุโรป และ Valuation ตลาดหุ้นยังถูก ล่าสุดส่งกองทุน “เยอรมัน ทริกเกอร์ 8%” กองที่ 3 เป้าหมายเลิกโครงการ 8% เสนอขายครั้งแรก 12-20 พ.ค.

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่ บลจ.ทิสโก้เปิดตัวกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นเยอรมนีเป็นรายแรกในเมืองไทย เพื่อเปิดโอกาสเพิ่มผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุน จากความโดดเด่นของตลาดหุ้นและพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรปของเยอรมนี

ล่าสุด เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำการลงทุนในต่างประเทศ และการจับจังหวะการลงทุนได้อย่างเหมาะสม บริษัทจึงเสนอขายกองทุนเปิด “ทิสโก้ เยอรมัน อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8%#3” ซึ่งเป็นกองทริกเกอร์ฟันด์ในซีรีส์หุ้นเยอรมนีกองที่ 3 ของทิสโก้ โดยยังคงมีมุมมองว่าตลาดหุ้นเยอรมนีจะให้ผลตอบแทนดีที่สุดในกลุ่มตลาดหุ้นยุโรป จากความโดดเด่นของพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรป ขณะที่ตลาดหุ้นเยอรมนียังมี Valuation ที่ถูก

“เศรษฐกิจยุโรปอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัว ซึ่งสะท้อนผ่านการขยายตัวของสินเชื่อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เราเชื่อว่าตลาดหุ้นเยอรมนีจะให้ผลตอบแทนดีที่สุดในกลุ่มตลาดหุ้นยุโรป เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยมีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลอย่างต่อเนื่อง หนี้สาธารณะต่ำ และอัตราการว่างงานต่ำ และยังได้ประโยชน์สูงสุดจากการอ่อนค่าของค่าเงินยูโร นอกจากนี้ หุ้นเยอรมนียังมี Valuation ที่ถูกกว่าตลาดหุ้นยุโรปโดยเฉลี่ย โดยค่า forward P/E ของดัชนี DAX ของเยอรมนีอยู่ที่ราว 14.5 เท่า ต่ำกว่าดัชนี STOXX600 ของยุโรปที่ราว 16.6 เท่า จากปัจจัยบวกดังกล่าว เราจึงแนะนำให้เพิ่มพอร์ตลงทุนในตลาดหุ้นเยอรมนี และมองว่าขณะนี้เป็นจังหวะที่เหมาะสมในการออกกองทริกเกอร์หุ้นเยอรมนีอีกครั้ง”

ทั้งนี้ กองทุนเปิด ทิสโก้ เยอรมัน อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8%#3 เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตลาดหุ้นเยอรมนี ผ่านกองทุนหลักคือ db x-trackers DAX UCITS ETF (DR) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เยอรมนี ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนของกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนีตลาดหลักทรัพย์เยอรมนี (DAX) โดยกองทุนดังกล่าวมีเป้าหมายเลิกโครงการที่ 8% ภายในระยะเวลา 8 เดือน หรือ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งหลังจากเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนซื้อขายสับเปลี่ยนได้ทุกวันทำการ

นอกจากนี้ กองทุนยังมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ประมาณ 90% ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนของเงินยูโรซึ่งมีแนวโน้มอ่อนค่า