ผู้ถือหน่วยทรัสต์ TREIT มีมติอนุมัติให้กองทุนลงทุนในอสังหาฯ เพิ่มเติม 12 ยูนิต คิดเป็นพื้นที่รวม 23,700 ตารางเมตร มูลค่าการลงทุนประมาณ 470 ล้านบาท คาดจะเข้าไปลงทุนในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนนี้ ด้าน “ไทคอนแมนเนจเม้นท์” มั่นใจผลตอบแทนปี 2558 ขยับขึ้นแน่นอน
นายอมร จุฬาลักษณานุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน แมนเนจเม้นท์ จำกัด (TMAN) ในฐานะผู้จัดการทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TICON Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust) หรือ TREIT เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหน่วยทรัสต์ TREIT มีมติอนุมัติให้ลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมในอสังหาริมทรัพย์ประเภทคลังสินค้าและโรงงานของกลุ่มบริษัทไทคอน ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่ารวมทั้งสิ้น 12 ยูนิต คิดเป็นพื้นที่รวมทั้งสิ้น 23,700 ตารางเมตร มูลค่าการลงทุนประมาณ 470 ล้านบาท โดยใช้วงเงินกู้ที่เหลือจากการลงทุนในทรัพย์สินครั้งแรก
สำหรับทรัพย์สินที่ TREIT จะเข้าไปลงทุนเพิ่มเติมนั้นประกอบด้วย ที่ดินและคลังสินค้าของบริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด พื้นที่รวมประมาณ 18,900 ตารางเมตร ใน 2 ทำเล คือ โครงการไทคอนโลจิสติคส์ พาร์ค บางนา และโครงการไทคอนโลจิสติคส์พาร์ค วังน้อย 2 นอกจากนี้ยังลงทุนที่ดินและอาคารโรงงานของบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งอยู่ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะ และนิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี โดยมีพื้นที่อาคารรวมประมาณ 4,800 ตารางเมตร
“การเพิ่มทรัพย์สินเข้ามาในครั้งนี้ถือเป็นนโยบายสร้างการเติบโตให้แก่กอง TREIT เพื่อทำให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในปีแรกในอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้น และยังเป็นการลงทุนที่ดีในระยะยาว ตลอดจนเป็นการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินให้กองทรัสต์ด้วยเช่นกัน”
นายอมร กล่าวต่อว่า ภายหลังได้รับมติจากผู้ถือหน่วยทรัสต์แล้ว คาดว่า TREIT จะเข้าไปลงทุนได้ภายในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนนี้ ซึ่งการลงทุนทรัพย์สินเพิ่มเติมในครั้งนี้จะส่งผลทำให้อัตราผลตอบแทนปี 2558 ของกอง TREIT นั้นเพิ่มขึ้นสูงกว่าประมาณการอัตราเงินปันผลจากเดิมที่ได้เคยเปิดเผยไว้แล้วต่อผู้ถือหน่วยทรัสต์ในการลงทุนสินทรัพย์ครั้งแรก
ทั้งนี้ ปัจจุบัน TREIT ลงทุนในคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าของกลุ่มบริษัทไทคอน แบ่งเป็นกรรมสิทธิ์ประมาณ 70% และสิทธิการเช่าประมาณ 30% รวมทั้งสิ้น 45 ยูนิต พื้นที่ให้เช่ารวมทั้งสิ้น 214,523 ตารางเมตร บนที่ดินรวม 306 ไร่ แบ่งเป็น คลังสินค้า จำนวน 25 ยูนิต มีพื้นที่รวม 160,523 ตารางเมตร และโรงงานจำนวน 20 ยูนิต พื้นที่รวม 54,000 ตารางเมตร กระจายอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม 5 แห่ง และ 6 โครงการ