xs
xsm
sm
md
lg

ONE's View ‏: โอกาสของตลาดหุ้นญี่ปุ่นในปี 58

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


คอลัมน์ ONE's View
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ
Dr.win@one-asset.com

สวัสดีครับ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นค่อนข้างมากและปรับทะลุ New High ในรอบหลายปีที่ผ่านมามาหลายครั้ง ทำให้เชื่อว่าปัจจุบันคงมีนักลงทุนหลายท่านตั้งคำถามว่าดัชนี NIKKEI225 อยู่ในระดับที่สูงไปแล้วหรือยัง และมีโอกาสไปต่ออีกหรือไม่ และปัจจัยอะไรที่จะสร้างโอกาสให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังคงไปต่อได้ในปีนี้

สำหรับมุมมองของผม ในแง่เศรษฐกิจของญี่ปุ่นปีนี้น่าจะมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หลังจากที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นในช่วงปีก่อนเติบโตได้เพียงเล็กน้อยจากแรงฉุดรั้งของการบริโภคและการใช้จ่ายภาคเอกชนหลังจากที่ทางการญี่ปุ่นปรับขึ้นอัตราภาษีบริโภค (VAT) ในช่วงเดือน เม.ย. 57 ที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ดี ด้วยนโยบายของทางการญี่ปุ่นที่ตัดสินใจชะลอการปรับขึ้นภาษี VAT ในปี 2558 ออกไป ประกอบกับตลาดแรงงานที่ส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้นก็น่าจะสนับสนุนให้การบริโภคและการลงทุนภายในประเทศทยอยเข้าสู่การฟื้นตัวได้ในช่วงถัดไป

ขณะที่การอ่อนค่าของเงินเยนจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางญี่ปุ่นจำนวนมหาศาลในช่วงที่ผ่านมาก็ส่งผลบวกให้การส่งออกญี่ปุ่นเริ่มกลับมาขยายตัวได้ ซึ่งตัวเลขการส่งออกล่าสุดเดือน ม.ค. 58 ที่ออกมาก็ยังบ่งชี้ถึงการขยายตัวได้ดีกว่าคาดอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับทิศทางอัตราเงินเฟ้อที่แท้จริงที่ยังขยายตัวได้ต่ำกว่าคาดจากราคาพลังงานที่ลดลง ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คาดว่าทางการญี่ปุ่นยังจำเป็นต้องอัดฉีดนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในช่วงถัดไป โดยเฉพาะการสานต่อและผลักดันนโยบายภายใต้ลูกศร 3 ดอก (Three Arrows) โดยครอบคลุมถึงนโยบายการเงินผ่านการผ่อนคลายนโยบายการเงินเชิงปริมาณ (QE) นโยบายการคลังผ่านการปรับลดอัตราภาษีรายได้นิติบุคคลและการอนุมัติงบประมาณและนโยบายการปฏิรูปเศรษฐกิจให้ยั่งยืนผ่านการสร้างเขตการค้าเสรี (TPP) การทำ Privatization การปฏิรูปตลาดแรงงาน เป็นต้น

ในแง่ของการลงทุน ยังมีปัจจัยบวกที่ทำให้ดึงดูดความสนใจของนักลงทุนอยู่เช่นกัน ทั้งในส่วนของบริษัทจดทะเบียนฯ ที่ยังมีความน่าสนใจจากแนวโน้มผลประกอบการและยอดขายของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 4/57 ที่ออกมาดีกว่าที่คาด หลังเศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวในช่วงสิ้นปี ค่าเงินที่อ่อนค่าลง อานิสงส์ของราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำ และการสนับสนุนในส่วนของธรรมาภิบาลบริษัทให้มีความโปร่งใสมากขึ้น รวมทั้งบริษัทต่างๆ มีการจ่ายคืนผลตอบแทนสู่นักลงทุนมากขึ้นในรูปของเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืน (Share Buyback) ทำให้ล่าสุดนักวิเคราะห์มีการปรับประมาณการผลประกอบการบริษัทเพิ่มขึ้น ประกอบกับอัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (ROE) ในช่วงที่ผ่านมามีแนวโน้มขยายตัวได้ดี และมีการคาดการณ์ว่าบริษัทส่วนใหญ่จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้คาดว่าในหุ้นญี่ปุ่นยังคงเป็นหุ้นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนในระยะถัดไป

ในด้านของแรงผลักดันในการเข้าลงทุนในหุ้นของทางการญี่ปุ่นก็ยังคงมีเพิ่มเติม ทั้งในแง่ของนักลงทุนสถาบันและรายย่อย โดยในส่วนของนักลงทุนสถาบันจากการสนับสนุนให้กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (GPIF) ซึ่งมีสินทรัพย์ขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 1 ของโลกกว่า 1.1 ล้านล้านเยน ให้มีการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็น 25% จาก 12% รวมทั้งการสนับสนุนของภาครัฐที่ยกเว้นภาษีกำไรให้นักลงทุนผ่านโครงการ NISA รวมทั้งสัดส่วนของการเข้าลงทุนของนักลงทุนรายย่อยที่เริ่มมีความสนใจในตลาดหุ้นแม้จะยังไม่มากนัก เนื่องจากชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่นิยมการฝากเงินในธนาคารพาณิชย์ในสัดส่วนที่สูง แต่ก็ทำให้คาดว่าหากมีการเร่งผลักดันของทางการอย่างจริงจังและหากมีการย้ายเงินมาลงทุนในหุ้นเพิ่มเติมแล้วนั้น จะทำให้มีโอกาสเพิ่มปริมาณเงินและจำนวนนักลงทุนรายย่อยเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นได้อีกมาก

ในด้านมูลค่าหุ้น แม้ว่าในช่วงนี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากหลายปัจจัยทั้งค่าเงินเยนที่อ่อนค่าและการประกาศผลประกอบการที่ออกมาดีกว่าคาด ซึ่งผลักดันให้ระดับราคาหุ้นต่อกำไร (PE) สูงกว่าระดับค่าเฉลี่ยช่วง 6 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนยังไม่ได้ให้ความสนใจกับตลาดหุ้นมากนักจนกระทั่งในช่วงปัจจุบันที่เศรษฐกิจเริ่มกลับเข้าสู่การฟื้นตัว แต่หากเทียบกับอัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (ROE) แล้วนั้นก็ยังนับได้ว่าต่ำกว่าระดับ ROE รวมทั้งยังคงต่ำกว่าระดับ PE ที่สูงสุดในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับปัจจัยบวกข้างต้นทำให้ผมมองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันยังคงไม่แพงมากนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ และหากเทียบกับความผันผวนของตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ปรับลดลงในขณะนี้ก็นับได้ว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังคงมีความน่าสนใจและมีโอกาสปรับตัวต่อไปได้ ซึ่งก็สอดคล้องกับนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่คาดว่าดัชนี NIKKEI225 น่าจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อแตะระดับ 20,050 จุดในปลายปี 2558 นี้ครับ

และจากมุมมองที่ผมมองว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังมีโอกาสไปต่อได้อีก แต่อาจมีความผันผวนระหว่างทางบ้างตามกระแสข่าวต่างๆ ทำให้ผมมองว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับกองทุนรวมประเภท Target Fund ทาง บลจ.วรรณจึงเสนอขายกองทุนเปิด เจแปน 5/2 ฟันด์ ในช่วงระหว่างวันที่ 27 ก.พ.-11 มี.ค. 58 โดยมีเป้าหมายการสร้างโอกาสผลตอบแทน 5% ภายในเวลา 5 เดือน โดยเน้นลงทุนในกองทุน ETF ที่สร้างผลตอบแทนตามการปรับตัวของดัชนี NIKKEI225 ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ประมาณ 80% ของพอร์ตการลงทุน และลงทุนในกองทุน ETF ที่สร้างผลตอบแทนตามการปรับตัวของดัชนี JPX Nikkie400 ซึ่งเป็นหุ้นที่มีการเติบโตที่ค่อนข้างดีอีกประมาณ 20% โดยผู้จัดการกองทุนจะปรับการลงทุนไปตามสถานการณ์เพื่อให้สอดคล้องกับภาพการลงทุนในขณะนั้นๆ และเพื่อให้กองทุนได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมายของกองทุนโดยไม่เปรียบเทียบผลตอบแทนของตลาด ซึ่งหากนักลงทุนสนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายบริการลูกค้าและสนับสนุนธุรกิจที่หมายเลข 0-2659-8888 ต่อ 1 ครับ

ทั้งนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

การกำหนดเป้าหมายอัตราการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเป็นเพียงเป้าหมายที่เป็นเหตุให้มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเท่านั้น ไม่ใช่การประมาณการหรือการรับประกันว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ ทั้งนี้ หากภาวะตลาดหรือภาวะการลงทุนเปลี่ยนแปลงไปจากการคาดการณ์ กองทุนรวม อาจไม่ดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติก็ได้


กำลังโหลดความคิดเห็น