กรุงเทพประกันชีวิตชี้แนวโน้มคนไทยอายุยืน แถมค่าใช้จ่ายหลังเกษียณพุ่ง แนะวางแผนเตรียมความพร้อมอย่างสบายใจ ล่าสุดออกผลิตภัณฑ์บำนาญใหม่ “บีแอลเอ พร้อมเกษียณ” วางแผนทางการเงินเพื่อใช้จ่ายยามเกษียณ จ่ายบำนาญต่อเนื่อง 26 ปี ตั้งแต่อายุ 60-85 ปี
นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความผันผวนทางเศรษฐกิจและข้อมูลที่ว่าแนวโน้มคนมีอายุมากขึ้น ค่าใช้จ่ายหลังเกษียณมีมากขึ้น ทำให้การเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตวัยเกษียณมีความจำเป็นมากขึ้น กรุงเทพประกันชีวิตจึงนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยให้ประชาชนเตรียมพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างสบายใจ
สำหรับผลิตภัณฑ์ “บีแอลเอ พร้อมเกษียณ” (BLA Unit Pension) เป็นแผนประกันบำนาญที่ออกแบบมาเพื่อการเตรียมความพร้อมสำหรับการเกษียณอายุโดยเฉพาะ เป็นการสะสมเงินไว้ล่วงหน้าอย่างไม่ประมาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายพื้นฐานในวัยเกษียณ ตามเป้าหมายรูปแบบการใช้ชีวิตแบบที่ต้องการโดยสะสมเงินบำนาญตามเป้าหมายอย่างมีวินัย จึงมั่นใจได้ว่าลูกค้าที่ทำประกันบำนาญจะมีเงินบำนาญอย่างสม่ำเสมอ เพียงพอใช้จ่ายสำหรับตนเองและคู่ชีวิต
นายเรืองศักดิ์ ปัญญาบดีกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายการตลาด บริษัทกรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ บีแอลเอ พร้อมเกษียณต่างจากผลิตภัณฑ์บำนาญทั่วๆ ไป คือ เป็นหลักประกันบำนาญแบบเป็นยูนิต (หน่วย) โดยจ่ายบำนาญให้แก่ผู้ซื้อยูนิต ยูนิตละ 1,500 บาทต่อปี ตามจำนวนยูนิตที่ผู้ประกันสะสมไว้ เริ่มต้นจ่ายให้ตั้งแต่วันครบอายุปีที่อายุ 60 ปีต่อเนื่องทุกปีจนถึงอายุ 85 ปี รวม 26 ปี โดยรับรองการจ่ายบำนาญอย่างน้อยถึงอายุ 75 ปี ในกรณีที่เสียชีวิตก่อนอายุ 75 ปี ทายาทจะได้รับเงินบำนาญส่วนที่เหลือเป็นเงินก้อนโดยคำนวณมูลค่าปัจจุบันของระยะเวลา 15 ปีที่เหลือ หรือกรณีที่เสียชีวิตก่อนอายุ 60 ปี ทายาทจะได้รับเงินที่สะสมทั้งหมดคืน (105% ของเงินที่จ่าย)
ท้้งนี้มี 2 แบบให้เลือก คือ แผน A ที่มีอัตราเงินบำนาญคงที่ 26 ปี และแผน B ที่มีอัตราเงินบำนาญเพิ่มขึ้น 3% ของทุนประกันทุกๆ 5 ปี โดยผลิตภัณฑ์ บีแอลเอ พร้อมเกษียณ ให้บริการแก่ผู้มีอายุระหว่าง 20-59 ปี ไม่ต้องตรวจสุขภาพ สามารถนำเบี้ยประกันชีวิตไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีแบบบำนาญ รวมสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาทต่อปี ซื้อครั้งแรกอย่างน้อย 2 ยูนิต โดยจำนวนเงินบำนาณต่อปีขึ้นอยู่กับจำนวนยูนิตที่สะสมไว้ ราคายูนิตจะแตกต่างตามอายุและเพศ ราคาจะสูงขึ้นตามอายุ ดังนั้นการซื้อตั้งแต่อายุยังน้อยมีราคาต่ำกว่า คุ้มค่ากว่า มีเวลาสะสมได้นานกว่า ซื้อได้ไม่จำกัดจำนวนยูนิตและไม่จำกัดครั้งที่ซื้อในแต่ละปี
“ตั้งเป้าในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้จะขายผลิตภัณฑ์นี้ได้ 100 ล้านบาท โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มคนทำงานที่มีเงินเดือน 30,000-50,000 บาท ซึ่งเป็นกลุ่มคนชั้นกลางของประเทศที่มีอยู่จำนวนมาก”
