xs
xsm
sm
md
lg

แมนูไลฟ์มองหุ้น 1,500 โรดแมป “คสช.” เอื้อเศรษฐกิจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
บลจ.แมนูไลฟ์มองดัชนีหุ้นไทยปีนี้ที่ 1,500 จุดหลังปัจจัยลบทางการเมืองคลี่คลาย คสช.เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะแผนการลงทุนของภาครัฐ ดันความเชื่อมั่นของนักลงทุนฟื้น พร้อมมองราคาหุ้นไทยยังไม่แพง คาด Earnings Growth ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 10%

นายต่อ อินทวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกนั้นมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยสหรัฐฯ มีการฟื้นตัวชัดเจนที่สุด โดยตัวเลขการจ้างงานปรับตัวดีขึ้น ซึ่งล่าสุดอัตราการว่างงานอยู่ที่ 6.3% ส่วนยุโรปเองฟื้นตัวค่อนข้างเปราะบาง โดยประเทศกลุ่มยุโรปเหนือมีการฟื้นตัวที่แข็งแรงกว่ากลุ่มยุโรปทางใต้ ทางด้านญี่ปุ่นนั้นตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้มีการเติบโตประมาณ 6.7% ขณะที่จีนนั้นจะมีการประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองลงอีก 0.5% สำหรับการปล่อยสินเชื่อภาคเกษตรกรรมและคาดการณ์จะปรับลดสำหรับการปล่อยสินเชื่อ SME และสินเชื่อรถยนต์ในระยะถัดไป

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ทาง บลจ.ประเมินว่าจะมีเม็ดเงินจำนวนมากไหลเข้ามาลงทุนในตลาดเกิดใหม่ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังมองเห็นศักยภาพการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีในตลาดเกิดใหม่อยู่ แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรกจะมีเงินลงทุนไหลกลับไปยังตลาดพัฒนาแล้ว ในขณะเดียวกันการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินในหลายประเทศยังมีอยู่

ทางด้านนางสาวจินตนา เมฆินทรางกูร หัวหน้าฝ่ายตราสารทุน บลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลังจากปัญหาการเมืองไทยคลี่คลายและการเข้ามาจัดการระบบเศรษฐกิจของ คสช. โดยปัจจัยดังกล่าวนั้นส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยและภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้แม้ว่าการบริโภคภายในประเทศนั้นจะอ่อนแต่ก็มีสัญญาณฟื้นตัวจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวอาจถูกจำกัดจากภาวะหนี้สินภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงและราคาสินค้าเกษตรที่ยังอยู่ในระดับต่ำ

โดย บลจ.แมนูไลฟ์คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตในอัตราละ 2% โดยเรามีเป้าดัชนีหุ้นไทยในปีนี้อยู่ที่ 1,500 จุด และคาดว่าดัชนีไม่น่าจะหลุด 1,380 จุด ทั้งนี้ราคาหุ้นไทยยังไม่สูงมาก ในขณะที่ Earnings Growth ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 10%

สำหรับกลุ่มหุ้นที่น่าจะปรับตัวดีขึ้นและเป็นกลุ่มที่น่าสนใจคือ กลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากการลงทุนของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มก่อสร้าง กลุ่มค้าวัสดุก่อสร้าง รวมถึงกลุ่มธนาคาร ในส่วนของภาคการท่องเที่ยวนั้นเราก็ประเมินว่าจะกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง เนื่องจากลุ่มดังกล่าวได้รับผลกระทบไม่นาน โดยการยกเลิกเคอร์ฟิวในส่วนเมืองท่องเที่ยวนั้นจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศกลับเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น