บลจ.กรุงศรีบริหารกองทุน KFEQ4P4-4 เข้าเป้าก่อนครบอายุ เตรียมคืนเงินพร้อมจ่ายผลตอบแทนผู้ถือหน่วยวันที่ 25 ต.ค.นี้
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) เปิดเผยว่า “บริษัทประสบความสำเร็จในการบริหารกองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ 4% พลัส 4% ทริกเกอร์ 4 (KFEQ4P4-4) ซึ่งได้จดทะเบียนกองทุนรวมในวันที่ 4 เม.ย. 56 มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่มีผลประกอบการดีในระยะกลางถึงยาว โดยในวันที่ 18 ต.ค. 56 หน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าวมีมูลค่า 10.93 บาทต่อหน่วย หรือมีผลตอบแทนเพิ่มขึ้นประมาณ 8% จากเงินลงทุนเริ่มแรก ทำให้เข้าข่ายเงื่อนไขการเลิกโครงการได้ก่อนกำหนด”
“บริษัทจะทำการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ และนำเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ในวันที่ 24 ต.ค. 56 ซึ่งเป็นการดำเนินการตามที่ได้ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน และผู้ลงทุนสามารถขายคืนหรือสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนออกจากกองทุน KFCASH ได้ตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. 56 เป็นต้นไป”
“ทั้งนี้ บริษัทได้เปิดเสนอขายกองทุน KFEQ4P4-4 ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยมีการปรับฐานลงมา เพราะมองเห็นโอกาสในการเข้าลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจ เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ดี ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนฯ เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยมุมมองการลงทุนที่แม่นยำและการตัดสินใจเลือกจังหวะการเสนอขายและการเข้าลงทุนในช่วงเวลาที่เหมาะสมถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ก่อนครบอายุโครงการ”
“สำหรับภาพรวมของตลาดหุ้นไทยยังคงมีแนวโน้มผันผวนจากความกังวลต่อการปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ใน 1-2 ปีข้างหน้าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น 20-30% ตามผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะเติบโตปีละ 15%” นายฉัตรพีกล่าว
ด้านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด จะทำการเสนอขาย 3 กองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดธนชาต Fixed Income 1Y3 (TFI1Y3) ระยะเวลาลงทุนประมาณ 1 ปี ผลตอบแทนประมาณ 3.20% ต่อปี มีเป้าหมายลงทุนในเงินฝากของ Bank of China / Standard Chartered Bank Hong Kong ประมาณ 22% ลงทุนในเงินฝากของ Union National Bank / Abu Dhabi Commercial Bank ประมาณ 20% ลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดย Industrial and Commercial Bank of China (Asia, Hongkong Branch) / Bank of East Asia ประมาณ 20% ลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดย ธ.เกียรตินาคิน / ธ.ทิสโก้ ประมาณ 20% และลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดย บมจ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส / บมจ.การบินไทย ประมาณ 18% อายุประมาณ 1 ปี ผลตอบแทนรวมของตราสารประมาณ 3.4210% ต่อปี โดยมีประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุนประมาณ 0.2210% ต่อปี
ทั้งนี้ กองทุนจะป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนสำหรับมูลค่าตราสารหนี้ต่างประเทศที่กองทุนลงทุน โดยกองทุนจะเสนอขายครั้งเดียววันที่ 22-28 ตุลาคม 2556
ขณะที่กองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 3 เดือน#5 (TFIX-3M#5) รอบการลงทุนประมาณ 3 เดือน และสามารถลงทุนได้ต่อเนื่องประมาณ 3 เดือนต่อรอบ ผลตอบแทนประมาณ 2.75% ต่อปี มีเป้าหมายลงทุนในตั๋วแลกเงิน / เงินฝากประจำ ธ.ไอซีบีซี (ไทย) / เงินฝากประจำ ธ.ออมสิน ประมาณ 20% ลงทุนในตั๋วแลกเงิน / เงินฝากประจำ ธ.ทิสโก้ / ธ.ธนชาต ประมาณ 24% ลงทุนในหุ้นกู้ระยะสั้น ธ.กรุงศรีอยุธยา / ตั๋วแลกเงิน บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ ประมาณ 24% ลงทุนในตั๋วแลกเงิน บมจ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส / บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) ประมาณ 24% ลงทุนในหุ้นกู้ระยะสั้น บจ.ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) / บจ.โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) ประมาณ 7.90% และลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์ประมาณ 0.10% อายุประมาณ 3 เดือน ผลตอบแทนรวมของตราสารประมาณ 2.9305% ต่อปี ประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุนประมาณ 0.1805% ต่อปี รับคำสั่งซื้อ–ขายวันนี้ถึง 24 ตุลาคม 2556
ส่วนกองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 3M/4 (TGOV3M4) รอบการลงทุนประมาณ 3 เดือน และสามารถลงทุนได้ต่อเนื่องประมาณ 3 เดือนต่อรอบ ผลตอบแทนประมาณ 2.45% ต่อปี มีเป้าหมายลงทุนในพันธบัตรภาครัฐประมาณ 80.50% และลงทุนในตั๋วแลกเงิน / เงินฝากประจำ ธ.ทิสโก้ / เงินฝากประจำ ธ.ออมสินประมาณ 19.50% อายุประมาณ 3 เดือน ผลตอบแทนรวมของตราสารประมาณ 2.6236% ต่อปี ประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุนประมาณ 0.1736% ต่อปี รับคำสั่งซื้อ–ขาย วันนี้ถึง 28 ตุลาคม 2556