บลจ.กสิกรไทยจับนักลงทุนเสี่ยงต่ำ ส่ง 4 กองทุนตราสารหนี้ใหม่เปิดขายตั้งแต่วันนี้ถึง 8 กรกฎาคมนี้ เน้นลงทุนตราสารหนี้คุณภาพดีทั้งใน และต่างประเทศ พร้อมลุยหายิลด์เพิ่มในบราซิลควบด้วย มั่นใจเหตุประท้วงรัฐบาลในแดนแซมบ้าไม่กระทบการลงทุน เหตุผู้ออกตราสารมีฐานการเงินมั่นคง
นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำแต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ในประเทศที่มีอายุใกล้เคียงกัน บริษัทเตรียมเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศจำนวน 4 กองทุน ระหว่างวันที่ 3-8 กรกฎาคมนี้ ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน ซีเอ็น (KPPTF3MCN) โอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.40% ต่อปี
กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน ซีที (KFI3MCT) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.65% ต่อปี กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน บีพี (KFI6MBP) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.80% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 1 ปี จี (KFI1YG) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.90% ต่อปี
ทั้งนี้ ตราสารหนี้ที่กองทุนลงทุนส่วนหนึ่งจะเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ Banco ABC Brasil S.A., ประเทศบราซิล ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ BBB- (Fitch) โดยหากนักลงทุนมีความกังวลในเหตุการณ์ประท้วงรัฐบาลในบราซิล ทางบริษัทได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงได้มีการประเมินความน่าเชื่อถือในตัวผู้ออกตราสาร พบว่ายังคงมีฐานะการเงินที่มั่นคงและไม่ได้รับ
ผลกระทบจากการประท้วงดังกล่าวแต่อย่างใด จึงทำให้ยังเชื่อมั่นและมีการลงทุนในตราสารหนี้บราซิลอยู่อย่างต่อเนื่อง
นางสาวยุพาวดีกล่าวอีกว่า ส่วนกองทุนที่ 4 ซึ่งทางบริษัทจะเปิดขายในช่วงเวลาเดียวกัน ได้แก่ กองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน ซีเอ็น (KPPTF3MCN) เพื่อตอบรับความต้องการสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำมากและต้องการลงทุนระยะสั้นกับตราสารหนี้ในประเทศเป็นหลัก โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝากประจำ 3 เดือนของธนาคารพาณิชย์
“การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่กำลังทำการเปิดขายผลตอบแทนที่ได้จะสูงขึ้นกว่าผลตอบแทนจากกองทุนประเภทเดียวกันที่เสนอขายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสดีและถือเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะสั้นกับกองทุนตราสารหนี้ที่มีคุณภาพดี และให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพอใจภายใต้ความเสี่ยงที่ไม่สูงมากนัก”
