xs
xsm
sm
md
lg

คาดหุ้นไทยปรับลงได้อีก แนะช้อนซื้อช่วง 1,520 จุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.คาดหุ้นไทยปรับลดได้อีก หลังนักลงทุนทยอยขายทำกำไร แถมกังวลแบงก์ชาติออกมาตรการคุมเงินไหลเข้าผยุงค่าบาท ส่วนไซปรัสไม่น่าห่วงทิสโก้เชื่อทั้งปียังแตะ 1,700 จุด แนะช้อนของถูกช่วง 1,520 จุด ขณะที่ บลจ.ฟิลลิปคาดแบงก์ชาติให้ความสำคัญเงินเฟ้อเป็นหลัก

นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า ดัชนีหุ้นที่ปรับตัวลงมามากขณะนี้ มองว่ามาจากการขายทำกำไรของนักลงทุน รวมทั้งมีความกัวลจากเรื่องเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ไม่ได้มีผลมาจากเรื่องมาตรการทางเศรษฐกิขของประเทศไซปรัส ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนที่สูงนักลงทุนจึงรอจังหวะขายทำไรกำไรออกไปบ้าง แต่อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ตลาดหุ้นน่าจะมีแรงซื้อแรงกลับมา ดังนั้นหลังจากนี้ตลาดหุ้นไม่น่าจะมีปัจจัยอะไรมากระทบ

“สถานการณ์เศรษฐกิจในต่างประเทศขณะนี้จะเห็นได้ว่าสถาบันการเงินของประเทศในยุโรปยังมีความน่าแน่นอนอยู่ ซึ่งยังเป็นเรื่องที่ตลาดยังมีการจับตามอง” นายไพศาลกล่าว

น.ส.วรสินี สังวรเวชภัณฑ์ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ทิสโก้ เวลธ์ กล่าวว่า สาเหตุของการที่หุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างมากในช่วง 2 วันที่ผ่านมาจะมาจาก 3 ปัจจัยด้วยกัน คือ ความกังวลเรื่องค่าเงินบาท ปัญหาของประเทศไซปรัสกับการเก็บภาษีเงินฝาก รวมถึงการขายทำกำไรของนักลงทุน

ทั้งนี้ ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุดน่าจะเป็นเรื่องของความกังวลจากค่าเงินบาท และการขายทำกำไรของนักลงทุน ซึ่งการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้นักลงทุนมีความกังวลว่าจะเกิดมาตรการจำกัดเงินทุนไหลเข้าเหมือนในปี 2006 ด้วยการเก็บภาษีเงินได้จากการลงทุน แต่ทิสโก้เชื่อว่าคงจะไม่มีการนำมาตรการดังกล่าวมาใช้ เนื่องจากปัจจุบันค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเพียง 6% เมื่อเทียบกับปี 2006 ที่แข็งค่าขึ้นถึง 20%

ส่วนการขายทำกำไรนั้นนับเป็นเรื่องปกติ ซึ่งหากดูย้อนหลัง 10 เดือนหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงมาก นักลงทุนจึงมีการขายทำกำไรบางส่วนออกไป โดยหลังจากนี้หุ้นไทยน่าจะมีการปรับตัวลดลงอีกได้

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหุ้นไทยจากอีกไปอีก 12 เดือนน่าจะปรับเพิ่มขึ้น โดยเป้าหมายที่ทิสโก้มองไว้ คือ ดัชนีหุ้นไทยที่ 1,700 จุด และนักลงทุนที่ต้องการเข้าลงทุนเชื่อว่าน่าจะรอช่วงที่ดัชนีอยู่ที่ประมาร 1,520 จุด ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่เหมาะสมกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย

“หุ้นที่ตกในช่วงที่ผ่านมาคงเป็นเรื่องของค่าเงินบาทมากที่สุด ส่วนไซปรัสไม่น่าจะมีผลกระทบมากนักเพราะผลกระทบกับยูโรโซนไม่มาก และไม่น่าจะต้องออกจากกลุ่ม และคนที่ฝากส่วนใหญ่ก็เป็นชาวรัสเซียซึ่งอยู่นอกกลุ่มยูโร ส่วนหลังจากนี้ปัจจัยที่จะต้องจับตามากที่สุดคือเรื่องของอิตาลี ซึ่งปัจจุบันคนเริ่มลืมกันไปแล้วแต่เชื่อว่าน่าจะมีผลกระทบมากที่สุดหากเกิดอะไรขึ้น”

นายวรรธนะ วงศ์สีนิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟิลลิป จำกัด เปิดเผยว่า จากกรณีที่หุ้นมีการปรับฐานลดลงมาในช่วง 1-2 วันมานี้ มองว่าทิศทางการปรับลดลงมาน่าจะยังมีอีก แต่คาดว่าจะไม่มีผลกระทบอะไรที่รุนแรง และยังไม่นับว่า นักลงทุนจะสามารถเข้าไปช้อนซื้อของถูกได้ เพราะยังถือว่าว่าราคายังสูงอยู่ เนื่องจากว่าการปรับตัวของหุ้นในช่วงที่ผ่านมาแรงพอสมควรขึ้นมาประมาณ 300 จุด แต่ ณ ปัจจุบันช่วง 1-2 วันปรับตัวลดลงมาประมาณ 50 จุดเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นการปรับลดลงมาไม่มากนัก เมื่อเทียบกับตลาดเอเชีย โดยหุ้นกลุ่มที่ยังคงแข็งแกร่งอยู่นั้นยังคงเป็นกลุ่มธนาคาร

ทั้งนี้ หลายฝ่ายอาจมองว่าการปรับตัวลดลงครั้งนี้อาจเป็นเพราะเนักลงทุนยังกังวลว่าทางการจะมีการออกมาตรการที่รัฐบาลจะเข้ามาดูแลค่าเงินบาท รวมถึง วานนี้ (20 มี.ค. 56) ที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจเตรียมประชุมหารือเกี่ยวกับปัญหาเงินบาทแข็งค่าด้วย และยังคงมองว่าเป็นการส่งสัญญาณให้กับทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่ากระทรวงการคลังมีแนวความคิดเป็นอย่างไร แต่ขณะนี้ในความคิดเห็นส่วนตัวมองว่า ธปท.น่าจะดูในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อเสียก่อน

“คิดว่าเป็นการส่งสัญญาณมาอีกครั้งให้กับ ธปท. แต่ ธปท.เองก็มีตัวเลขอยู่ในมืออยู่แล้ว และคิดว่าอัตราดอกเบี้ยไม่น่าจะมีการปรับลดลงมาอีก แต่ถ้าในส่วนของการกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท ในอนาคตก็อาจจะมีการปรับลดลงของอัตราดอกเบี้ยลงมาอีก แต่อย่างไรก็ตามแล้วเชื่อว่า ธปท.เองได้ดูและตรวจสอบอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว” นายวรรธนะกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น