บลจ.ไอเอ็นจี เผยผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนอสังหาฯทียูโดม อนุมัติให้มีการจัดการผู้เช่ารายใหม่แทนพีบีพลัส พร็อพเพอร์ตี้ โดยต้องว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเข้ามากำหนดคุณสมบัติและสรรหาผู้เช่ารายใหม่
รายงานข่าวจาก บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ที ยู โดม เรสซิเดนท์เชียล คอมเพล็กซ์ หรือ TU-PF เปิดเผยถึงมติผู้ถือหน่วยลงทุนดังนี้วาระที่ 1 พิจารณาอนุมัติให้บริษัทจัดการดำเนินการคัดเลือกและว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ให้เข้ามาทำหน้าที่กำหนดคุณสมบัติ ตลอดจนดำเนินการสรรหาผู้เช่าช่วงหลักรายใหม่ เพื่อมาแทนบริษัท พีบีพลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด พร้อมทั้งอนุมัติให้บริษัทจัดการสามารถเบิกจ่ายเงินค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการดังกล่าวและกำหนดและจ่ายค่าตอบแทนให้แก่บริษัทที่ปรึกษาดังกล่าวจากกองทุนรวมได้
โดยผู้ถือหน่วยลงทุนมีมติอนุมัติให้บริษัทจัดการดำเนินการคัดเลือกและว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาให้เข้ามาทำหน้าที่กำหนดคุณสมบัติ ตลอดจนดำเนินการสรรหาผู้เช่าช่วงหลักรายใหม่ เพื่อมาแทน พีบี พลัส พร้อมทั้งอนุมัติให้บริษัทจัดการสามารถเบิกจ่ายเงินค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการดังกล่าวและกำหนดและจ่ายค่าตอบแทนให้แก่บริษัทที่ปรึกษาดังกล่าวจากกองทุนรวมได้ ตามทางเลือกที่ 2 คือ ให้บริษัทจัดการสามารถดำเนินการคัดเลือกและแต่งตั้งบริษัทที่ปรึกษาพร้อมทั้งกำหนดและจ่ายค่าตอบแทนให้แก่บริษัทที่ปรึกษา โดยไม่นำเสนอให้ผู้ถือหน่วยลงทุนพิจารณาอนุมัติ และบริษัทจัดการจะแจ้งผลการคัดเลือกไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและให้ผู้ถือหน่วยลงทุน (ทางไปรษณีย์) ทราบในภายหลัง
สำหรับวาระที่ 2 พิจารณาอนุมัติแก้ไขเพิ่มเติม เกี่ยวกับรายละเอียดทรัพย์สินที่กองทุนรวมลงทุน การจัดหาผลประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์ และสัญญาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกองทุนรวมให้เป็นปัจจุบัน ผู้ถือหน่วยลงทุนมีมติอนุมัติให้แก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดของทรัพย์สินที่กองทุนลงทุนให้เป็นปัจจุบัน เช่น รายละเอียดทรัพย์สินที่กองทุนลงทุน ณ ปัจจุบันรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดหาผลประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์ สรุปสาระสำคัญของสัญญาเช่า สัญญาที่เกี่ยวกับการจัดหาผลประโยชน์ รวมตลอดจนการทำและเลิกสัญญาต่างๆ
รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย โดยมีผู้ถือหน่วยลงทุนลงมติอนุมัติจำนวน 80,544,100 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 77.28 ของจำนวนหน่วยลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุนทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียง และมีผู้ถือหน่วยลงทุนลงมติไม่อนุมัติจำนวน 500,000 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 0.48 ของจำนวนหน่วยลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุนทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียง และมีผู้ถือหน่วยลงทุนงดออกเสียงจำนวน52,500 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 0.05 ของจำนวนหน่วยลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุนทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียง