ปัจจุบัน บลจ.ธนชาตไม่เพียงแต่มีกองทุนหลากหลายประเภทที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ลงทุนรายย่อย ผู้ลงทุนรายใหญ่ หรือผู้ลงทุนสถาบัน แต่ยังพัฒนาช่องทางการลงทุนเพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับความสะดวกสบายทั้งการใช้บริการผ่านสาขาธนาคารธนชาต หรือลงทุนออนไลน์ที่มีความโดดเด่นตรงที่เว็บบอร์ด เพราะมีผู้จัดการกองทุนคอยตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับการลงทุนรวมถึงบริการจัดทำพอร์ต เรียกว่า asset allocation ให้ลูกค้าทุกคนได้รับทราบว่าตนเองควรจัดสรรเงินลงทุนที่เหมาะสมอย่างไร โดยสามารถดูบนเว็บไซต์ และไอแพด
สำหรับแนวโน้มในการลงทุนจากนี้ถึงปลายปี บุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาต เชื่อว่าสินทรัพย์เสี่ยงจะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนมากขึ้น ไม่ว่าหุ้น ทองคำ กองทุนต่างประเทศ เพราะนักลงทุนเห็นจากวิธีการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจากสหรัฐอเมริกา ยุโรป ซึ่งใช้การอัดฉีดเงินเข้าระบบ และทำให้ดอกเบี้ยต่ำ ดังนั้น ปริมาณเงินที่มากมายส่วนหนึ่งย่อมไหลเข้าสู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพิ่ม ซึ่งทำให้ตลาดค่อนข้างจะแกว่งตัวมากขึ้น
ส่วนการลงทุนกับกองทุน RMF-LTF ซึ่งผู้ลงทุนต้องการประหยัดภาษีเป็นหลัก และเป็นการลงทุนในระยะยาว ผู้ลงทุนโดยส่วนใหญ่จะคิดว่าตลาดหุ้นแพงแล้ว จึงอาจจะลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ หรือสับเปลี่ยนไปซื้อกองทุนสินทรัพย์ที่เสี่ยงต่ำอย่างกองพันธบัตรในสัดส่วนที่มากขึ้น
“อยากให้ผู้ลงทุนมองไกลๆ ในระยะยาวถึงโอกาสที่จะทำผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งหุ้น ทองคำ หุ้นต่างประเทศ อย่ามองเพียงระยะสั้นๆ ที่เห็นตัวดัชนีตลาดหุ้นสูงแล้วรอให้ราคาลดลงอีก โดยเฉพาะ RMF ที่เป็นการลงทุนเพื่อเก็บเงินไว้ใช้เมื่อเกษียณอายุ และมีกองทุนให้เลือกหลายประเภททั้่งหุ้น ทองคำ อยากให้มองกันยาวๆ ถึงโอกาสในการทำผลตอบแทนจากการเลือกถือหน่วยลงทุนที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงแต่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนชนะตัวเลขเงินเฟ้อในอนาคตด้วย”
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี คือ ผู้ลงทุนต่างรีบเข้าซื้อกองทุน RMF-LTF เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ทางภาษี นายบุญชัยกล่าวว่า พฤติกรรมที่นิยมซื้อช่วงไตรมาสสุดท้ายมักได้ราคาค่อนข้างแพงทำให้ผู้ลงทุนเสียโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการถือหน่วยลงทุนหากผู้ลงทุนลงทุนตั้งแต่ต้นปี จึงอยากให้ปรับเปลี่ยนวิธีคิดโดยการเฉลี่ยซื้อ หรือลงทุนผ่านบริการสั่งซื้อหน่วยลงทุนเป็นประจำ (Saving Plan) เช่น ตั้งวงเงินลงทุนไว้ 1 แสนบาท ก็ไม่ซื้อแบบครั้งเดียว เปลี่ยนเป็นเฉลี่ยแต่ละเดือน ที่เหลือค่อยไปเพิ่มเติมปลายปีก็ยังทำให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
ขอแนะนำผู้ลงทุนใช้การผสมผสานการลงทุน เพื่อเป็นการจัดสรรสินทรัพย์ให้เหมาะสมกับตนเอง เช่น ตอนอายุ 40 ปี ลงทุนในหุ้น 100% แต่ถือสัดส่วนในหุ้นไทย 70-80% และหุ้นต่างประเทศ 20-30% เมื่ออายุ 60 ปีค่อยลดสินทรัพย์เสี่ยงเหลือ 60% ที่เหลือกระจายไปยังสินทรัพย์เสี่ยงน้อยกว่า เป็นต้น
สำหรับกองทุน RMF-LTF ที่น่าสนใจ RMF คือ ธนชาตหุ้นทุนเพื่อการเลี้่ยงชีพ, ธนชาตโกลบอล บอนด์เพื่อการเลี้ยงชีพ, ธนชาตทองคำแท่งเพื่อการเลี้ยงชีพ - H และกองทุนออกใหม่ปลายปีนี้ ธนชาต LowBeta เพื่อการเลี้ยงชีพ ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทย ซึ่งมีความผันผวนน้อยกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ส่วน LTF คือ ธนชาติ BigCap หุ้นระยะยาว
ทุกวันนี้ บลจ.ธนชาตยืนหยัดมาแล้วกว่า 20 ปี คว้ารางวัลกองทุนต่างๆ มากที่สุด บลจ.หนึ่ง โดยความโดดเด่นเป็นที่ยอมรับตลอดมา คือ แนวทางการบริหารจัดการอย่างมั่นคงและสม่ำเสมอ
สำหรับกองทุน RMF 8 กอง ได้แก่ ประเภทลงทุนในสินทรัพย์ภายในประเทศ 5 กองทุน คือ กองทุนเปิดธนชาติตลาดเงินเพื่อการเลี้ยงชีพ, กองทุนเปิดธนชาติพันธบัตรเพื่อการเลี้่ยงชีพ, กองทุนเปิดธนชาติตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ, กองทุนเปิดธนชาติมิกซ์ฟันด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ, กองทุนเปิดธนชาติหุ้นทุนเพื่อการเลี้่ยงชีพ ประเภทลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 กองทุน คือ กองทุนเปิดธนชาตโกลบอล บอนด์เพื่อการเลี้ยงชีพ และประเภทลงทุนในทองคำแท่ง 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดธนชาตทองคำแท่งเพื่อการเลี้ยงชีพ - H และกองทุนเปิดธนชาตทองคำแท่งเพื่อการเลี้่ยงชีพ - UH
และ LTF 2 กอง ได้แก่ กองทุนเปิดธนชาติหุ้่นระยะยาวปันผล และกองทุนเปิดธนชาติ BigCap หุ้นระยะยาว