“ทิพยประกันภัย” ยิ้มโชว์ผลดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 55 เบี้ยรับประกันภัยรวม 1.23 หมื่นล้านบาท ขยายตัวกว่า 53% ล่าสุดเตรียมพัฒนาผลิตภัณฑ์และช่องทางการตลาดใหม่ หวังขยายฐานลูกค้ารายย่อยผลักดันเป้าเบี้ยรับประกันภัยรวมทะลุ 1.8 หมื่นล้านบาท หรือโตกว่า 30%
นายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 3 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2555 ว่า บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวมขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 3,806.88 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 2,463.49 ล้านบาท หรือเป็นประกันภัยรับรวมเพิ่มขึ้น 1,343.39 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนกว่า 54.53%
ทั้งนี้ เบี้ยประกันภัยรับรวมที่เพิ่มขึ้นประกอบด้วย เบี้ยประกันอัคคีภัยจำนวน 331.40 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 94.44 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรถยนต์ 1,220.33 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล 1,140.66 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด 1,020.05 ล้านบาท
ขณะที่ผลงานสะสมงวด 9 เดือนแรกของปี 2555 ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน เบี้ยประกันภัยรับรวม 12,336.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 8,038.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,297.98 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53.47% แบ่งเป็นเบี้ยประกันอัคคีภัย 1,308.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 64.70% เบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 263.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.35% เบี้ยประกันภัยรถยนต์ 3,477.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.20% เบี้ยประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล 4,060.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.57% และเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด 3,226.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.45%
ด้านฐานะการดำเนินงานของบริษัทยังคงมีความแข็งแกร่ง ณ วันที่ 30 กันยายน 2555 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 51,369.14 ล้านบาท หนี้สินรวม 47,986.11 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 3,383.03 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงวด 9 เดือน ปี 2555 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวม 105.31 ล้านบาท และกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.35 บาท ซึ่งเป็นผลจากมหาอุทกภัยในปีที่ผ่านมาและยังมีภาระต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
นายสมพร กล่าวว่า ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปีนี้ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และอาจจะสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยในปี 2555 บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับไว้ที่ 30% หรือคิดเป็นเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 18,000 ล้านบาท โดยใช้กลยุทธ์การขยายฐานลูกค้ารายย่อยด้วยการนำเสนอผ่านช่องทางการตลาดต่างๆ การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น
“เบี้ยประกันภัยรับรวมในช่วง 9 เดือนแรกมีการขยายตัวในอัตราค่อนข้างดี โดยเฉพาะเบี้ยประกันภัยรถยนต์ และเบี้ยประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลที่เติบโตถึง 77.20% และ 66.57% ตามลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการขยายฐานลูกค้ารายย่อย และเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นสู่เบอร์หนึ่งในธุรกิจประกันวินาศภัยภายในระยะเวลา 3 ปี หรือภายในปี 2556”
สำหรับแผนการดำเนินงานเพื่อขยายกลุ่มลูกค้ารายย่อยนั้น บริษัทมีนโยบายมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับและสนองความต้องการของลูกค้า การขยายและพัฒนาระบบตัวแทน-นายหน้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงการขยายและพัฒนาช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ ทั้งช่องทางการขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และช่องทางผ่านพันธมิตรทางธุรกิจให้เข้าถึงลูกค้ามากที่สุด
