บลจ.กิมเอ็งลั่นหยุดขาดทุนรายเดือน ตั้งเป้าเอยูเอ็มปีนี้โต 7,000 ล้าน หลังเตรียมไปขึ้นตรงต่อ บลจ.เมย์แบงก์แทนผู้ถือหุ้นปัจจุบัน คาดได้ข้อสรุปในเดือนนี้ และเสนอแผนกองทุนในเดือนต่อไป เผยกองส่วนบุคคลเตรียมได้ลูกค้าเข้ามาประมาณ 300-400 ล้านบาท
นายไววิทย์ อุทัยเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ประมาณ 1,008 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2554 ซึ่งอยู่ที่ 398 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 153.27% โดยแบ่งเป็นธุรกิจกองทุนรวม 957 ล้านบาท และธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล 51 ล้านบาท โดยในสิ้นปีนี้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของ AUM ประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท แต่ที่สำคัญกว่าคือในสิ้นปีนี้บริษัทจะหยุดการขาดทุนได้แน่นอนจากที่เฉลี่ยขาดทุนเดือนละ 2 ล้านบาท ในส่วนของบริษัทเองก็จะไปขึ้นตรงต่อ บลจ.เมย์แบงก์แทนจากปัจจุบันที่อยู่ใต้กลุ่มผู้ถือหุ้นคือ ธนาคารเมย์แบงก์ และ บมจ.หลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซึ่งหลังจากไปอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ บลจ.เมย์แบงก์แล้วก็อาจจะต้องมีการเปลี่ยนชื่อบริษัทให้สอดคล้องกับบริษัทแม่ด้วยในอนาคตอันใกล้
“บลจ.เมย์แบงก์เองมีความชำนาญการลงทุนในหุ้นอยู่แล้ว โดย 60% เป็นธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล และ บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ก็ถนัดเรื่องหุ้นเช่นเดียวกัน ภาพการลงทุนในหุ้นของบริษัทก็จะมีความครบถ้วนสมบูรณ์มากขึ้นทั้งมุมมองในประเทศและระดับภูมิภาค ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารกองทุนของบริษัทในอนาคตด้วย” นายไววิทย์กล่าว
นายไววิทย์ ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของการไปพูดคุยกับทางเมย์แบงก์มาเลเซียถึงแนวทางการทำธุรกิจกองทุนในไทยนั้น คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน ก.ค. 55 นี้ และน่าจะสามารถนำเสนอกองทุนตามแผนได้ในเดือน ส.ค. 55 อย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของกองทุนตราสารหนี้ กองทุนตราสารตลาดเงิน-พลัส ที่จะเพิ่มอัตราผลตอบแทนขึ้นมาจากกองทุนตราสารตลาดเงินที่มีอยู่เดิม กองทุนหุ้นซึ่งในเบื้องต้นคงจะบริหารให้บริษัทแม่ก่อนประมาณ 3 เดือนเพื่อให้นักลงทุนเห็นผลการดำเนินงานก่อนที่จะทำการตลาดต่อไป ตลอดจนกองทุนที่ไปลงทุนต่างประเทศต่างๆ หลังจาก ส.ค.เป็นต้นไปโปรดักต์ของบริษัทจะมีความครบถ้วนมากยิ่งขึ้น
ในส่วนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์และกองทุนสาธารณูปโภคก็ยังเดินหน้าในกระบวนการต่อไปอาจจะได้เห็นในช่วงปลายปีหรือต้นปีหน้า โดยรูปแบบของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทยังมุ่งไปในการลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Free Hold) ที่มีการรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำประมาณ 7% ให้ประมาณ 5 ปี
ขณะเดียวกัน ล่าสุดในเดือนนี้กองทุนส่วนบุคคลของบริษัทก็น่าจะได้ลูกค้าเข้ามาอีกประมาณ 300-400 ล้านบาท โดยใน 2 เดือนน่าจะได้ยอดรวมประมาณ 1,000 ล้านบาท และมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ 2,000 ล้านบาทได้ในสิ้นปีนี้สำหรับธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล โดยกลุ่มลูกค้า บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งก็เริ่มติดต่อเข้ามาแล้วเช่นกัน