xs
xsm
sm
md
lg

ยึดแนวทางของพ่อหลวง ออมเงินง่ายๆ แบบคน “ธรรม์ดา”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“อิจฉาเขาจับมือกัน อิจฉาเขาหอมแก้มกัน” เชื่อว่าหลายคนคงฮัมเพลงนี้ต่อได้จนจบแน่นอน มาวันนี้เจ้าของบทเพลงอิจฉา “ศร ธรรม์ดา” หรือ ศรศักดิ์ สวนแก้ว กลับมาทำงานเพลงที่เขารักต่อ โดย “คอลัมน์เจาะพอร์ตคนดัง” มีโอกาสได้พูดคุยถึงการทำงาน รวมถึงสไตล์การเก็บออมเงินของศรอีกด้วย

ศรบอกว่า ที่ผ่านมาไม่ได้หายหน้าหายตาไปไหน มีงานคอนเสิร์ตทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งระหว่างทางก็เก็บเกี่ยวเรื่องราวประสบการณ์ไว้สำหรับเป็นวัตถุดิบในการเขียนเพลงแต่งเพลง ซึ่งทางค่ายเพลง แมซค็อทท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ก็ติดต่อให้มาทำเพลง จึงมีโอกาสได้กลับมาทำงานเพลงและออกซิงเกิลใหม่อีกครั้ง

ในส่วนของการเก็บออมเงิน ศรเล่าให้ฟังว่า ด้วยความที่วงการบันเทิงมีความไม่แน่นอนสูงมาก โดยเฉพาะอาชีพนักร้อง นักแต่งเพลง วิธีการจัดเก็บรายได้ที่เข้ามาส่วนใหญ่ก็ต้องเก็บออมและหาวิธีกระจายเงินเก็บให้มากที่สุด ทั้งนี้ หากแบ่งเงินออกเป็น 10 ส่วน ก็จะเก็บเอาไว้ 3 ส่วน โดยจะกระจายการออมเงินในรูปแบบของบัญชีออมทรัพย์ และซื้อที่ดินในต่างจังหวัดเช่นที่อำเภอหาดใหญ่ และที่จังหวัดเชียงราย

“ผมมองว่าการซื้อที่ดินเก็บเอาไว้ก็เป็นวิธีลงทุนแบบง่ายๆ ของผม แม้ว่าที่ดินจะอยู่ต่างจังหวัดแต่มันก็มีมูลค่าในตัวของมันเอง ในช่วงที่ผมเกิดวิกฤตทางการเงินสินทรัพย์ตัวนี้ก็สามารถเเปลงเป็นเงินมาช่วยเหลือในยามที่เกิดปัญหาได้”

นอกจากการซื้อที่ดินเก็บไว้แล้ว สิ่งที่ให้ความสำคัญรองลงมาคือ การซื้อประกันชีวิต “ศร” เล่าว่า เมื่อไม่นานมานี้หมอตรวจพบว่าเป็นโรคไต ซึ่งต้องรักษาโดยด่วน ตัวเราเองก็นึกว่าค่ารักษาพยาบาลไม่มากเท่าไรเนื่องจากเป็นโรงพยาบาลของรัฐบาล ปรากฏว่าพอถึงเวลาที่ต้องชำระค่ารักษาพยาบาลเห็นบิลเเล้วก็ตกใจเนื่องจากค่ารักษา ค่าห้องพัก ค่ายา รวมๆ แล้วตกประมาณ 100,000 บาท ซึ่งพอหลังจากออกจากโรงพยาบาลเเล้วก็เริ่มตระหนักถึงการมีประกันชีวิตขึ้นมาทันที

“ที่ผมจ่ายค่ารักษาพยาบาลประมาณแสนกว่าบาทนี่เอาเงินเก็บออมมาใช้ คิดในใจว่าถ้าไม่มีเงินเก็บและไม่มีเงินสำรองจะทำยังไง หากมีประกันชีวิตคุ้มครองก็คงจะดีกว่า ผมเลยสนใจทำประกันชีวิตทั้งประกันสุขภาพ เเละอุบัติเหตุ เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร หากเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาจะได้ไม่เดือดร้อนตัวเองและผู้อื่น เเละที่สำคัญไม่ต้องไปดึงเงินเก็บที่เราหามาทั้งชีวิตออกมาใช้ ขณะเดียวกันประกันที่ผมซื้อนั้นส่วนใหญ่จะช่วยลดภาษีอีกด้วย”

ศรเล่าให้ฟังต่อว่า ขณะเดียวกันก็ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการใช้ชีวิตตอนนี้ก็เริ่มใช้จ่ายอย่างพอเพียง ที่บ้านผมเป็นทาวน์เฮาส์เล็กๆ รอบๆ บ้านก็จะปลูกผักสวนครัว เช่น ตะไคร่ ใบมะกรูด พริก กะเพรา โหระพา มะนาว เป็นต้น ซึ่งสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้ก็ช่วยผมประหยัดได้มากขึ้น ไม่ต้องเสียเงินซื้อหามาให้มากมาย มีเท่าไรก็ใช้เท่านั้น สิ่งไหนจำเป็นต้องจ่ายก็จ่าย แต่สิ่งไหนไม่จำเป็นก็จะไม่จ่ายไม่ขวนขวายหามา

สำหรับผลงานล่าสุดคือซิงเกิลเพลง ดิน ก็เป็นอีกเพลงหนึ่งที่กลั่นกรองออกมาจากความรู้สึกลึกๆ ที่ได้พบเห็นหลายๆ คนที่อยู่ในภาวะแบบนี้แล้วเรารู้สึกเข้าใจ สงสาร และเห็นใจ อยากให้เขามีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิต ซึ่งเราเองก็เคยผ่านภาวะแบบนี้มารู้เลยว่าความรู้สึกมันเป็นยังไง หดหู่แค่ไหน หวังว่าเพลงนี้จะเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกของใครหลายๆ คน แล้วก็อยากให้เพลงนี้เป็นกำลังใจให้ทุกคนสามารถผ่านพ้นภาวะแบบนี้ไป และลุกขึ้นมาเข้มแข็งให้ได้ ภูมิใจในความเป็นตัวเอง แล้วเราจะรู้สึกได้เลยว่าชีวิตมีคุณค่ามากขึ้นจริงๆ

“ซิงเกิลใหม่ของผมนั้นมีความพิเศษตรงที่เป็นการบันทึกเสียงร้องและเครื่องดนตรีพร้อมๆ กัน แบบการเล่นคอนเสิร์ตเต็มวง หรือที่เรียกว่าการอัดสด ทำให้ได้อรรถรสในการฟังมากขึ้น เหมือนฟังอยู่ในงานคอนเสิร์ต”

ศรทิ้งท้ายกับทีมงานอีกว่า “ผมว่าสมัยนี้วงการเพลงเปลี่ยนไปมาก จริงๆ เเล้วนักร้องไทยทุกคนมีความสามารถกันทุกคน แต่ที่เห็นนักร้องส่วนใหญ่ไม่มีการพัฒนาหรือมองเเล้วย่ำอยู่ที่เดิมนั้นจะมาจากโปรดิวเซอร์ หรือนายทุนค่ายเพลงที่ทำให้นักร้องมีภาพลักษณ์ออกมาแบบนั้น เช่นอัลบั้มเเรกที่ออกมาร้องเพลงสไตล์นี้เเล้วดังมาก อัลบั้มต่อไปก็ยังคงร้องในสไตล์เดิมๆ ทำให้ผู้ฟังเห็นว่านักร้องไม่มีคุณภาพ ร้องเพลงย่ำอยู่กับที่ไม่มีการพัฒนา เหล่านี้เป็นต้น ส่งผลให้ผู้เสพส่วนใหญ่หันไปรับฟังเพลงต่างประเทศกันค่อนข้างมาก และมองวงการเพลงไทยในแง่ลบเสมอ”

“ส่วนการเเนะนำในการออมเงินนั้น ผมว่าหากเรานำพระราชดำรัสของในหลวงมาใช้ รู้จักพอเพียง ไม่ใช้จ่ายเกินตัว และหาวิธีเก็บออมนำเงินที่ออมมาทำให้งอกเงย ชีวิตก็จะไม่ลำบาก แม้หลายคนมองว่าประหยัดได้เพียงเล็กน้อย แต่หากรวมกันมากๆ สิ่งที่เล็กๆ น้อยๆ นั้นจะเพิ่มทวีคูณกลายเป็นกอบเป็นกำให้เราในอนาคต”
กำลังโหลดความคิดเห็น