คอลัมน์ Good Morning News วันที่ 15 พฤษภาคม 2555
โดย วรวรรณ ธาราภูมิ
และทีมจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง
เศรษฐกิจโลก
• Robert Peston (BBC) วิเคราะห์ว่า วิกฤตในยูโรโซนเป็นวิกฤตหนี้สาธารณะซึ่งจะนำไปสู่วิกฤตของธนาคารต่างๆ ในวงกว้าง และอาจลามไปสู่ภาคธุรกิจของประเทศต่างๆ ได้ เนื่องจากภาคธุรกิจคงไม่อาจถือครองสกุลเงินยูโรในธนาคารของประเทศที่มีความเสี่ยงจากการที่กรีซอาจจะต้องออกจากสมาชิกกลุ่มยูโรโซน (Ireland, Portugal, Spain หรือ Italy)
ทั้งนี้ Vodafone, GlaxoSmithKline, WPP และ Reckitt Benckiser เป็นตัวอย่างบริษัทเอกชนที่ประกาศตั้งแต่ต้นปีนี้ว่ากำลังย้ายเงินสดส่วนเกินออกจากสกุลยูโรและจากประเทศในยูโรโซนทุกวัน นอกจากนี้ ผู้มีเงินฝากก็จะต้องการถอนเงินฝากที่มีในประเทศในกลุ่มเสี่ยงสูงเหล่านี้มาถือเป็นเงินสด หรือย้ายไปอยู่ในประเทศอื่นๆ ที่ปลอดภัยกว่า เช่น เยอรมนี เป็นต้น
• Mohamed El-Erian (PIMCO) เขียนใน Financial Times ว่า ปัญหาทางการเมืองในกรีซกำลังกดดันยุโรปให้ไปสู่ภาวะมีแต่เสียกับเสีย (lose-lose) ที่ทำให้ทั้งยุโรปอยู่ในอาการสาหัส อันเนื่องมาจากการนำเงินดีๆ ไปใส่เพิ่มให้กับเงินที่ไม่ดี ซึ่งทำให้เงินดีๆ หายวับไปกับตา โดยไม่มีผลดีที่ยั่งยืนต่อประชากรกรีซและยุโรป และทำให้เกิดผลที่คาดเดาไม่ได้ต่อเศรษฐกิจยุโรป และทั้งโลก
• Fitch Ratings เตือนประเทศในกลุ่มยูโรโซนทั้งภูมิภาคว่า ถ้ากรีซออกจากยูโรโซน อาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือของทั้งยูโรโซน (ประเทศที่มีแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือในเชิงลบขณะนี้ ได้แก่ ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน ไซปรัส ไอร์แลนด์ โปรตุเกส สโลวuเนีย และ เบลเยียม)
• Moody's ลดอันดับความน่าเชื่อถือธนาคารต่างๆ ในอิตาลี 26 แห่ง และมีมุมมองในเชิงลบด้วยเหตุผลที่แจ้งว่าเป็นเพราะ
1. อิตาลีกลับไปอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) อีกครั้ง และจากการที่รัฐบาลใช้มาตรการรัดเข็มขัดเข้มงวดอันจะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจในระยะสั้น
2. มีคุณภาพสินทรัพย์และกำไรที่ลดลง และ ...
3. มีความลำบากมากขึ้นในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้
• สเปนอาจเผชิญปัญหาเพิ่มขึ้นจากคุณภาพสินทรัพย์ที่มีมูลค่าน้อยกว่าหนี้สิน และขณะนี้แม้แต่รัฐบาลสเปนก็ยังไม่ทราบว่าสถาบันการเงินมีปริมาณความเสียหายจากสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์เพียงใด
• หลังจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติของฝรั่งเศสในวันที่ 17 มิถุนายนนี้ จะต้องจับตาดูว่าความเป็นเอกภาพระหว่างเยอรมนีกับฝรั่งเศสจะลดต่ำลงเพียงใด และถึงขั้นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของกลุ่มยูโรโซนหรือไม่
• Syriza ซึ่งเป็นพรรคที่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการรัดเข็มขัดของกรีซ ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมเจรจากับพรรคอื่นๆ อีกครั้งตามคำเชิญของประธานาธิบดี Papoulias โดยจากผลสำรวจคะแนนความนิยมจากประชาชนล่าสุดพบว่า Syriza มีคะแนนเพิ่มขึ้นเป็น 20.5% จาก 16.8% ในการเลือกตั้งช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาซึ่งจะทำให้มีคะแนนนำพรรคอื่นๆ และมีโอกาสเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลถ้ามีการเลือกตั้งครั้งใหม่
อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจพบว่าประชาชน 78% ต้องการให้กรีซอยู่ในกลุ่มยูโรต่อ และ 72% ต้องการให้ทุกพรรคหาทางออกร่วมกันให้ได้มากกว่าการเลือกตั้งครั้งใหม่
• สเปนสามารถประมูลตั๋วเงินคลังอายุ 12 และ 18 เดือน มูลค่ารวม 2.9 พันล้านยูโร ตรงกับเป้าหมายที่วางไว้ แต่ด้วยอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้น โดยตั๋วอายุ 12 เดือนประมูลได้ 2.2 พันล้านยูโร ที่ผลตอบแทน 2.985% เพิ่มขึ้นจาก 2.623% ในเดือนก่อน และตั๋ว 18 เดือน ประมูล 711 ล้านยูโร ที่ 3.302% เพิ่มขึ้นจาก 3.110%
ทั้งนี้ ความต้องการในการประมูลครั้งนี้ปรับตัวลดลงเหลือเพียง 1.8 เท่า และ 3.2 เท่าตามลำดับ จาก 2.9 เท่า และ 3.8 เท่าในการประมูลครั้งก่อน
• อิตาลีประมูลพันธบัตรอายุ 3, 8, 10 และ 13 ปี รวม 5.25 พันล้านยูโรได้ตามเป้า แบ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 ปี 3.5 พันล้านยูโร ผลตอบแทน 3.91% เพิ่มขึ้นเพียง 2 bps รุ่นอายุ 8 ปี มูลค่า 542 ล้านยูโร ที่อัตรา 5.33% รุ่นอายุ 10 ปี 651 ล้านยูโร ที่ 5.66% และรุ่นอายุ 13 ปี 557 ล้านยูโร ที่ 5.9% โดยมีความต้องการเข้าร่วมประมูลสูงขึ้นกว่าครั้งที่ผ่านมา
• ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอิตาลีเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 0.5% จากเดือนก่อน และ 3.3% เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมาจากราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันเบนซินในประเทศเพิ่มขึ้น 3.2% จากเดือนก่อน และ 20.9% จากปีที่ผ่านมา และเป็นราคาสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2526
• Christian Democratic Union (CDU) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของเยอรมนีแพ้การเลือกตั้งท้องถิ่นที่รัฐ North Rhine-Westphalia ซึ่งถือเป็นการพ่ายแพ้ครั้งสำคัญเนื่องจากเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุด 1 ใน 4 ของคนทั้งประเทศ ทำให้พรรค SPD ซึ่งเป็นฝ่ายค้านได้ครองอำนาจในระดับท้องถิ่นเป็นรัฐที่ 11 จาก 16 รัฐของเยอรมนี โดยผลการเลือกตั้งดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความนิยมที่ลดลงของรัฐบาลเนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยต่อมาตรการการเข้าช่วยเหลือกรีซ ทั้งนี้ เยอรมนีจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2556
• สำนักงานสถิติของสหภาพยุโรปเปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนในเดือนมีนาคมลดลง 0.3% จากเดือนก่อน และ -2.2% จากปีที่แล้ว เป็นผลมาจากความต้องการที่ซบเซาของสินค้าหลายประเภทเนื่องจากวิกฤตหนี้สาธารณะยืดเยื้อและอัตราการว่างงานอยู่ในระดับสูง
อนึ่ง การผลิตภาคอุตสาหกรรมของเนเธอร์แลนด์หดตัวมากที่สุดเท่ากับ -9% ขณะที่การผลิตของเยอรมนียังคงขยายตัวต่อเนื่องจากความต้องการรถยนต์และเครื่องจักรของเยอรมนี
• ผู้ว่าการธนาคารฝรั่งเศสมั่นใจว่าธนาคารในฝรั่งเศสทุกแห่งยังแข็งแกร่ง โดยมีเงินกองทุนขั้นที่ 1 สูงกว่า 9% และมีแนวโน้มจะสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านเงินทุนของสำนักงานด้านการธนาคารยุโรป (EBA) ได้ภายในกลางปีนี้
ทั้งนี้ ธนาคารฝรั่งเศสได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตหนี้สาธารณะในกลุ่มยูโรโซนจากการลงทุนเป็นจำนวนมากในตลาดยุโรปในปีก่อน
• รมว.ธุรกิจอังกฤษกังวลว่า อังกฤษอาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงหากกรีซถอนตัวจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน และวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปจะลุกลามเกินกว่าจะควบคุม
จึงหวังว่ามาตรการเชิงป้องกันทางเศรษฐกิจของยูโรโซนจะแข็งแกร่งมากพอที่จะสกัดปัญหาของกรีซไม่ให้ลุกลามไปในวงกว้างเข้าสู่ประเทศอิตาลีและสเปนซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของอังกฤษที่ต้องพึ่งพาตลาดยุโรป และธนาคารของอังกฤษยังลงทุนในกลุ่มประเทศดังกล่าวในสัดส่วนสูงด้วย
• กองทุนเฮดจ์ฟันด์ลดการเปิดสถานะซื้อในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 723,239 สัญญา ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2554 เนื่องจากมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจจากความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลในกรีซ และความต้องการใช้สินค้าโภคภัณฑ์ในจีนที่ชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ดัชนี S&P GSCI ที่วัดราคาสินค้าโภคภัณฑ์ 24 รายการได้ปรับตัวลดลงถึง 6.5% ใน 8 วันทำการหลังสุด
• Mark Cuban รายงานว่า หนี้เพื่อการศึกษาในสหรัฐอเมริกาที่นักเรียน นักศึกษา 37 ล้านรายเป็นลูกหนี้กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วไปสู่ 1 ล้านล้านดอลลาร์ และจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา โดยมีปริมาณสูงกว่าสินเชื่อรถยนต์ และสูงกว่าหนี้บัตรเครดิตทั้งประเทศ
• Gary Shilling ประธานกรรมการ A. Gary Shilling & Co. ชี้ว่า ณ ขณะนี้แม้จะมีการมองว่าการซื้อบ้านในสหรัฐฯ มีราคาถูกกว่าการเช่าแล้ว โดยราคาบ้านลดลงมาถึง 34% จากจุดสูงสุดในปี 2006
แต่การซื้อบ้านจะเป็นการลงทุนที่ไม่ดีเลยหากราคาบ้านตกลงไปอีก 20% และที่อยู่อาศัยกำลังจะยิ่งย่ำแย่ลงในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องจากมีปริมาณล้นตลาดถึง 2 ล้านแห่งที่ต้องใช้เวลาอีก 4 ปีเป็นอย่างน้อยในการถึงจุดสมดุล
ทั้งนี้ การประมาณการของเขายังไม่นับผลกระทบจากการที่ผู้ซื้ออาจไปซื้อบ้านที่โดนยึดอีกประมาณ 5 ล้านหลัง
เศรษฐกิจเอเชีย
• ฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนจีนว่าอาจจะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือใน 12-18 เดือนข้างหน้า จากการที่รัฐบาลจีนเริ่มรับโอนหนี้เสียของธนาคารและรัฐบาลท้องถิ่นที่ประสบปัญหาบางส่วนเข้าไว้ในงบดุลบัญชีของรัฐบาลกลาง ทั้งนี้ ฟิทช์มีแนวโน้มเชิงลบต่อตราสารหนี้สกุลหยวนของจีนตั้งแต่เดือนเมษายน 2554
• อัตราเงินเฟ้ออินเดียเร่งตัวสูงขึ้น 7.23% ในเดือนเมษายน จาก 6.89% ในเดือนก่อน ทำให้การดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินจะทำได้ยากขึ้น (เดือนก่อนนี้ ธ.กลางอินเดียลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.5% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง)
• คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง) มีมติให้คงราคาขายปลีก NGV ที่ 10.50 บาท/กก. และ LPG ภาคขนส่งที่ 2.80 บาท/กก.ต่อไปอีก 3 เดือน ถึง 15 สิงหาคมนี้ และยังให้ตรึงราคาขาย LPG ภาคอุตสาหกรรมที่ไม่เกิน 30.13 บาท/กก. เพื่อรอผลการศึกษาต้นทุนราคาก๊าซ NGV ของสถาบันวิจัยพลังงานจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนพิจารณาราคาขายปลีกในอนาคต ขณะที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติคงอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับเบนซินและก๊าซโซฮอล์ เพื่อช่วยให้ต้นทุนสินค้าไม่ปรับสูงขึ้น และแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชน
• ครม.ไม่อนุมัติให้นำสินค้าอาหารปรุงสำเร็จเข้าไปอยู่ในรายการสินค้าควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากเห็นว่าราคาอาหารปรุงสำเร็จไม่ได้มีเกณฑ์การวัดราคาต้นทุนสินค้าต่อปริมาณที่ชัดเจนเหมือนสินค้าควบคุมทั้ง 42 รายการในปัจจุบัน และยังมีปัจจัยเชิงคุณภาพกับความพอใจของผู้บริโภคเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงยากต่อการกำหนดราคาควบคุม
• สำนักงานเศรษฐกิจการคลังรายงานว่า ในเดือนเมษายนรัฐบาลจัดเก็บรายได้ได้ 1.39 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 5,648 ล้านบาท ทำให้รายได้รวม 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2555 เป็น 9.5 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 3.75 หมื่นล้านบาท โดยมาจาก...
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่สูงกว่าประมาณการ 2,341 ล้านบาท จากการขยายเวลายื่นแบบแสดงรายการไปอีก 8 วัน ทำให้มีรายได้ส่วนหนึ่งมาบันทึกในเดือนเมษายน
การนำเข้ารถยนต์และส่วนประกอบก็เพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีรายได้จากอากรขาเข้าสูงกว่าเป้าหมาย 1,778 ล้านบาท
ภาษีน้ำมันยังคงจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 5,199 ล้านบาท จากการขยายเวลาลดภาษีน้ำมันดีเซลเหลือลิตรละ 0.005 บาท
Equity Market
• ตลาดหุ้นในยุโรปและสหรัฐฯ ต่างปิดตัวลดลงจากความกังวลเรื่อง Grexit (Greek Exit หรือการที่กรีซอาจต้องออกจากกลุ่มยูโร) โดยตลาดหุ้นกรีซปิดตัวลดลงต่ำที่สุดนับตั้งแต่เกิด The Great Depression (เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก) ในยุค 1930s ด้วย Pattern ที่คล้ายกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในยุคนั้น
• SET Index ปิดที่ 1,165.51 จุด ลดลง 25.50 จุด หรือ -2.14% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 33,410 ล้านบาท โดยปรับตัวลดลงมากในช่วงบ่ายหลังตลาดหุ้นในยุโรปเปิดทำการและดิ่งลงจากความกังวลต่อปัญหาการเมืองในกรีซ และการแพ้การเลือกตั้งท้องถิ่นของพรรครัฐบาลของเยอรมนี
Fixed Income Market
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวลดลง -0.01 ถึง -0.04% ในทุกช่วงอายุ โดยในช่วงเช้า ธปท.ได้เข้าแทรกแซงตลาดด้วยการเข้าซื้อพันธบัตร ธปท. ช่วงอายุ 1-3 ปี อนึ่ง วันนี้จะมีการประมูลพันธบัตร ธปท. รุ่นอายุ 1 เดือน 3 เดือน และ 6 เดือน มูลค่ารวม 68,000 ล้านบาท
Oil Corner
• รัฐมนตรีว่าการกระทรวงน้ำมันของซาอุดีอาระเบียกล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ควรลดลงมาอยู่ในระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากปริมาณความต้องการน้ำมันดิบยังคงต่ำกว่าปริมาณการผลิต 1.3-1.5 ล้านบาร์เรล/วัน แต่มีแนวโน้มที่ความต้องการจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และคาดว่าการประชุม OPEC ในเดือนหน้าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงปริมาณการผลิตน้ำมัน
• งานวิจัยชิ้นล่าสุดของ IMF ระบุว่า มีความมั่นใจในระดับ 90% ว่าราคาน้ำมันดิบโลกจะพุ่งสูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 120 ดอลลาร์/บาร์เรลในปี 2020 และจะเป็น 2 เท่าของราคาปัจจุบันในปี 2022
