ทิสโกเชื่อจังหวะดีลุยหุ้นเอเชียแปซิฟิก ส่งกองทริกเกอร์ฟันด์หวังฟันกำไร 10% ใน 4 เดือน ระบุแนวโน้มเศรษฐกิจเอเชียยังแกร่งอาจโตมากกว่า 7% ส่วนยุโรปสหรัฐยังไม่ชัด แต่มั่นใจธนาคารกลาง-รัฐบาลมีทางรับมือแน่นอน
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุนธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ล่าสุด บลจ.ทิสโก้ เปิดเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 10% #6 ในระหว่างวันที่ 9-18 พฤษภาคมนี้
สำหรับกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund)ที่จะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Lyxor ETF MSCI AC Asia-Pacific ex Japan (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ และมีนโยบายการลงทุนในตราสารแห่งทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี MSCI AC Asia-Pacific ex Japan
ทั้งนี้ กองทุนจะตั้งเป้าทำกำไรที่ 10% ภายในระยะเวลาประมาณ 4 เดือน โดยสามารถปิดกองคืนเงินผู้ถือหน่วยลงทุนได้ก่อนครบกำหนดหากทำกำไรได้ 10% หรือหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 11.10 บาท
อย่างไรก็ตามหากกองทุนนี้ไม่สามารถทำกำไรได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ บริษัทได้เตรียมกองทุนในเปิดในลักษณะเดียวกันเอาไว้รองรับ โดยนักลงทุนสามารถซับเปลี่ยนหน่วยลงทุนได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด
นายกำพล อดิเรกสมบัติ เศรษฐกรอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่าการเข้าลงทุนในช่วงนี้ถือเป็นจังหวะที่ดี เนื่องจากราคาหุ้นยังไม่แพงมากนัก โดยเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียยังคงมีการขยายตัวที่แข็งแกร่ง จะเห็นได้จากเศรษฐกิจจีนจะเริ่มฟื้นตัวชัดเจนในช่วงครึ่งปีโดยเป็นผลจากการดำเนินนโยบายการเงินและการคลังแบบผ่อนคลายต่อเนื่อง ขณะที่เศรษฐกิจอื่นๆ เช่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง และประเทศในกลุ่มอาเซียน ยังคงมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่อเนื่องในปีนี้และน่าจะเร่งตัวขึ้นในปี 2013
ขณะที่เศรษฐกิจไทยเริ่มมีการฟื้นตัวจากเหตุการณ์น้ำท่วมอย่างชัดเจนในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ และคาดว่าทั้งปีเศรษฐกิจจะขยายตัวอยู่ที่ 5% อัตราเงินเฟ้อทั้งปีอยู่ที่ 3.5% และอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะคงไว้ที่ 3% แต่มีความเสี่ยงที่ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้อัตราเงินเฟ้ออาจมีการเร่งตัวมากขึ้นจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงมากขึ้นที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงไตรมาสที่ 4
"สิ่งที่จะต้องติดตามคือเศรษฐกิจยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งการอาจจะต้องมีการเพิ่มทุนของธนาคารพาณิชย์ รวมถึงสัญญาณบวกในตลาดแรงงานของสหรัฐเริ่มลดลงน่าจะส่งผลต่อความผันผวนของตลาดหุ้น แต่เชื่อว่าถึงแม้จะมีข่าวร้ายออกมา ทางธนาคารกลางของสหรัฐรวมถึงยุโรปน่าจะมีทางแก้ และมีเครื่องมือที่พร้อมอยู่แล้ว จึงอาจเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นในภูมิภาคเอเชียมากกว่า"
ด้านนางสาววรสินี สังวรเวชภัณฑ์ หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาการจัดการลงทุน บลจ.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มที่ตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้น่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากทิศทางของเศรษฐกิจโลกเริ่มมีแนวโน้มสดใสขึ้น โดยภูมิภาคที่เศรษฐกิจมีการขยายตัวแข็งแกร่งที่สุด คือ ภูมิภาคเอเชีย โดยคาดการณ์ว่าในปีนี้เศรษฐกิจเอเชียจะมีการขยายตัวมากกว่า 7% ซึ่งนับเป็นภูมิภาคที่น่าสนใจลงทุนมากที่สุด เนื่องจากราคาหุ้นในปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างถูก และจากในหลายประเทศได้ส่งสัญญาณการผ่อนคลายด้านการเงิน เช่น ออสเตรเลีย และอินเดีย ที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เป็นต้น จะเป็นปัจจัยสนุนสนับการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย
