เอไอเอกรุ๊ปลั่นรุกตลาดประกันฯ เอเชียแปซิฟิกต่อเนื่อง หลังไตรมาสแรกทุกตลาดหลักดันผลการดำเนินงานแจ่ม ทำเบี้ยรับรวมโต 9% หรือกว่า 3,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ชี้เศรษฐกิจเอเชียยังโตต่อดันรายได้ประชากรสูงขึ้น แถมสัดส่วนความต้องการกรมธรรม์ยังสูงช่วยหนุน
นายมาร์ค ทักเกอร์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทเอไอเอ เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเน้นทิศทางการทำธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกเป็นหลัก โดยทุกตลาดยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและขยายตัวเกินกว่าร้อยละ 10 ในปีก่อน ยกเว้นประเทศเกาหลีซึ่งมีการปรับตำแหน่งทางธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีนนั้นมีมูลค่าของธุรกิจใหม่เติบโตอย่างมาก ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มจำนวนตัวแทนฯ ที่มีผลงาน และการปรับทิศทางธุรกิจโดยมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ประกันภัยแบบชำระเบี้ยประกันภัยรายงวด
ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปี 2555 บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีมาก การเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 27% เป็น 232 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่รายได้ของเบี้ยประกันภัยรับรวมเพิ่มสูงขึ้น 9% เป็น 3,599 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ขยายตัวอย่างเด่นชัดเพิ่มขึ้น 6.9 จุด เป็น 42.1% จาก 35.2% ในไตรมาสแรกของปี 2554 ซึ่งเป็นผลจากกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญต่อการอนุมัติแบบประกันภัยที่นอกจากจะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ทั้งในด้านการออมเงินระยะยาว การประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ และการคุ้มครองด้านอื่นๆ แล้ว ยังสามารถสร้างผลตอบแทนตามเป้าหมาย จำนวนเคสและอัตรากำไรของธุรกิจประกันภัยประเภทเน้นความคุ้มครองขยายตัวสูงขึ้นตลอดไตรมาส
ส่วนมุมมองเศรษฐกิจ นายมาร์ค กล่าวว่า ตลาดทุนเริ่มฟื้นตัวในช่วง 3 เดือนแรกในปีงบประมาณปัจจุบันของเอไอเอ แสดงให้เห็นถึงมุมมองตลาดซึ่งได้ลดความวิตกกังวลที่มีต่อความเสี่ยงที่สืบเนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจในทวีปยุโรป และสะท้อนสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นสืบเนื่องจากการสนับสนุนจากธนาคารกลางประเทศต่างๆ ล่าสุดปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปและความเปราะบางในระยะฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่เป็น non-Eurozone กลับมาสร้างความกังวลอีกครั้งและก่อให้เกิดความผันผวนในตลาดยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจเอเชียยังคงเอื้อต่อการเติบโตทางธุรกิจของเอไอเอ ปัจจัยต่างๆ เช่น แนวโน้มตลาดที่ให้ความสนใจต่อการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่ง รายได้ที่สูงขึ้น ประกอบกับระบบประกันสังคมที่ยังไม่ให้ความคุ้มครองมากเพียงพอต่อความต้องการ และลักษณะประชากรซึ่งยังคงต้องการความคุ้มครองในด้านการประกันชีวิต ประกันภัยอุบัติเหตุ และประกันภัยสุขภาพ ถือเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจในภูมิภาค
